ปรับตัว-ปรับทีม หนทาง สู่เป้าหมาย รัฐบาล อยู่ยาว

นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล หรือ ซินแสภาณุวัฒน์ หมอดูชื่อดังที่ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำนายดวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“ดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกอย่างจะผ่านพ้น แม้แต่การเข้าชี้แจงปมถวายสัตย์ปฏิญาณก็ไม่มีปัญหา ดวงของนายกรัฐมนตรีในภาพรวม ถือว่าดีและจะดูแลบ้านเมืองไปได้อีกยาวถึง 2 สมัย”

นั้นหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์จะได้อยู่บริหารบ้านเมืองชนิด “อยู่ยาว”

ตรงตามเป้าหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ที่เมื่อผละจากรัฐบาลทหารหลังการยึดอำนาจแล้วก็อยากจะอยู่ในอำนาจต่อไป

Advertisement

อย่างน้อยก็ 4 ปี ตามวาระของรัฐบาลชุดนี้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ 8 ปี คือรวมถึงรัฐบาลชุดหน้าด้วย

ปัญหาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์จะทำสำเร็จหรือล้มเหลว

ปัจจัยสู่ความสำเร็จของรัฐบาลมีท่วมท้น นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สรุปอย่างแยบคายว่า “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”

Advertisement

ประกอบกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงผลการคำนวณสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ทุกอย่างล้วนสอดรับกับถ้อยคำ “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” โดยแท้

ผนวกรวมกับท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่ประกาศยืนอยู่ข้าง พล.อ.ประยุทธ์อย่างเข้มแข็ง

ยิ่งน่าจะทำให้รัฐบาลได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น

จากองค์ประกอบดังกล่าวน่าจะทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก้าวย่างไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป นับวันสิ่งที่ “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” กลับไม่ได้ส่งเสริมให้รัฐบาลเดินไปได้อย่างราบรื่น

ผลการเลือกตั้งที่แม้ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นนายกฯ และพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำรัฐบาล

แต่หากย้อนไปดู ส.ส.เขต กลับพบว่าพรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุนมาก

และเมื่อรวมกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่เพิ่งเริ่มต้นทางการเมืองก็พบว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนสูง

เสียงของพรรคฝ่ายค้านเมื่อเทียบกับฝ่ายรัฐบาลแล้ว ถือว่าคู่คี่สูสี

สูสีจนรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้

หากแต่ดูเหมือนว่าระยะแรกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลอาจจะยังไม่ได้สัมผัสถึงข้อจำกัดที่เกิดขึ้น

ดังนั้น จึงเกิดกรณีการยื่นคำร้องว่า พล.อ.ประยุทธ์ นำถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลลากยาวจนกระทั่งต้องตอบข้อซักถามจากสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 กันยายนนี้

และในวันเดียวกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

โดยเฉพาะประเด็นการเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ”

นอกจากนี้ยังมีประเด็นขั้นตอนการเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังเป็นข้อครหาว่ากระทำขัดต่อเจตนาของรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้เพราะรัฐธรรมนูญมีเจตนาให้สภาผู้แทนราษฎรประชุมกันก่อน มีการเลือกผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกันก่อน

จากนั้นจึงเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

แต่เมื่อปรากฏว่าขั้นตอนทั้งสองอย่างได้เกิดขึ้นในการประชุมรัฐสภาครั้งเดียวกัน จึงสงสัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือเปล่า

ยังมีประเด็นที่ ครม.ออก พ.ร.ก.ชะลอการใช้ พ.ร.บ.ครอบครัว ซึ่งกลายเป็นข้อสงสัยว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่

สิ่งต่างๆ ที่เป็นตัวอย่างนี้ ตอกย้ำให้เห็นว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบอีกแล้ว

ทุกอย่างต้องตอบคำถาม ทุกอย่างต้องถูกตรวจสอบ

ทุกอย่างต้องถูกกฎหมาย

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลชุดนี้ยังต้องฟังเสียงประชาชน และปัญหาของประชาชนในขณะนี้มีมากมาย แต่ที่ปรากฏเด่นชัดที่สุดคือปัญหาปากท้อง

เมื่อรัฐบาลเข้ามาทำงาน แต่แนวทางการแก้ไขปัญหาปากท้องยังไม่เด่นชัด เสียงเรียกร้องก็ดังขึ้น

ขณะที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเร่งร้อนรวดเร็ว ค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งออกมีปัญหา การใช้จ่ายภายในประเทศหดหาย งบประมาณปี 2563 ล่าช้า การลงทุนยังไม่มีรูปธรรม และยังกระหน่ำด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ

ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่อาจรอเวลาได้ ทุกอย่างจำเป็นต้องใช้การบริหารจัดการเข้ามาช่วย

แต่รัฐบาลที่มาจากการรวมตัวของพรรค 19 พรรคเพื่อมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ก็มีปัญหาเรื่องการจัดสรรแบ่งปัน และยังขาดเอกภาพ

ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องแสดงฝีมือการบริหารจัดการ

ถึงเวลาต้องพิจารณาว่าลักษณะการนำที่ผ่านมานั้นสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ถ้าไม่สอดคล้องต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง

ต้องพิจารณาว่าทีมงานที่ตั้งขึ้นมานั้น เมื่อถึงเวลาปฏิบัติสามารถผลักดันนโยบายของรัฐบาลให้ออกมาได้มากน้อยเพียงใด

มีความซื่อสัตย์ มีความสามารถ ที่จะช่วยให้ประเทศไทยพ้นจากปัญหาอุปสรรคหรือไม่เพียงใด

ถ้ามีปัญหาก็ต้องแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง

บัดนี้ แม้กฎกติกาที่ “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” จะส่งให้รัฐบาลก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ และพล.อ.ประยุทธ์ก็สามารถเป็นนายกฯได้ตามประสงค์

แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎกติกาก็มีวันเวลาหมดความศักดิ์สิทธิ์

ก่อนการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังสามารถใช้อำนาจตาม ม.44 ได้ แต่มาถึงขณะนี้ไม่สามารถใช้ได้แล้ว

เช่นเดียวกับบทบัญญัติพิเศษในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญก็มีระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้

การหวังดำรง “อยู่ยาว” โดยใช้กฎกติกาเช่นนี้ไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน

หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้องการ “อยู่ยาว” ได้จริงต้องแสดงฝีมือการบริหาร

เมื่อมีปัญหาเยี่ยงปัจจุบัน ต้องปรับปรุงตัวเอง ต้องปรับเปลี่ยนการบริหาร

รวมทั้งปรับทีมงาน

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้รัฐบาลสามารถ “อยู่ยาว” ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้แต่เดิม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image