ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
เผยแพร่ |
หนึ่งในหัวข้อที่มิตรรักแฟนประจำของ คสช. ตะเบ็งเสียงร้องกันคอแหบคอแห้งให้ปฏิรูปอย่างถอนรากถอนโคนมากที่สุดด้านหนึ่ง
ก็คือการปฏิรูปตำรวจ
อันเป็นประเด็นที่ประดาพ่อยกแม่ยกทั้งหลายของคณะรัฐประหารเห็นว่า นอกจากจะไม่มีความคืบหน้าแล้ว
ในหลายประเด็นยังถอยหลังลงคลองอย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งในตัวอย่างที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด ก็คือการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี
ที่ผ่านไปอย่างทุลักทุเลยิ่ง ถึงขั้นต้องประกาศใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญช่วคราวเข้ามา “ทุบโต๊ะ”
มอบอำนาจให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจในการจัดการแต่งตั้งโยกย้ายแต่เพียงผู้เดียว
กระนั้นปัญหาก็ยังไม่จบ
จากบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งกว่า 8,000 ตำแหน่งในระดับรองผู้บังคับการลงมาถึงสารวัตรที่ผ่านไปหมาดๆ
ในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 500 รายชื่อที่ต้องดำเนินการปรับแก้โดยเร่งด่วน
7 มิถุนายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ดูแลงานตำรวจ กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจประจำปี 2558 ว่า
เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ความผิดพลาดของการโยกย้ายทั้ง 500 ตำแหน่งมีการแก้ไขหมดแล้ว
จากนี้ไปจะเป็นการเดินหน้าปฏิรูปตำรวจให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี 6 เดือน
ซึ่งการใช้คำสั่งมาตรา 44 ทำให้สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้ามหน่วยงานได้ เป็นการเปิดโอกาสให้มีตำแหน่งเพิ่มมากขึ้น ป้องกันการวิ่งเต้น
ส่วนการย้ายตำรวจโรงพักดีเด่นนครสวรรค์โมเดล เป็นการปรับย้ายเพื่อการปฏิรูป
มากกว่าถูกมองว่าเป็นการย้ายอย่างไม่เป็นธรรม
แต่ปฏิรูปตำรวจยังไม่ทันไปถึงไหน ก็เกิดกรณี “งามหน้า”แทรกซ้อนขึ้นมา
เมื่อเจ้าหน้าที่ของกรมการปกครองบุกเข้าตรวจค้นจับกุมสถาบริการอาบอบนวดนาตารี ในกลางกรุงเทพมหานคร
และพบ“บัญชี”การจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานต่างๆ
ซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นก็คือตำรวจ
ในบัญชีรายชื่อที่ว่ามีทั้งรายการจ่ายเงินให้กับทนาย… พี่… จ่า… ดาบ… รอง…
ไปจนกระทั่งถึงชื่อที่น่าจะเป็นหน่วยงานอย่างท่องเที่ยว สันติบาล ห้วยขวาง ตม. กทม.
ตามบัญชีระบุตัวเลขว่ามีการเงินตั้งแต่ 6,000 บาทไปจนกระทั่งถึง 76,000 บาท รวมเฉพาะในหนึ่งหน้าบัญชีคิดเป็นตัวเงินรวมเดือนละเกือบ 350,000 บาท
เทียบกับรายได้เดือนละ 19 ล้านบาทของอาบอบนวด
ปัจจุบันบัญชีดังกล่าวอยู่ในการดูแลและสอบสวนของเจ้าหน้าที่กรมการปกครองผู้เข้าจับกุม
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผบช.น. กล่าวว่า มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 ตรวจสอบของกลางกรณีมีข่าวเรื่องพบบัญชีส่วย เพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว
แต่ตนยังไม่เห็นบัญชีดังกล่าว จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าคือบัญชีอะไร
ถึงในเบื้องต้นจะมีการย้ายผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ และสารวัตรที่เกี่ยวข้องใน สน.ห้วยขวาง เจ้าของพื้นที่รวม 4 คนเข้าไปช่วยราชการชั่วคราว
แต่ก็เป็นข้อหาปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ปล่อยปละละเลยให้มีการค้าประเวณีของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในเรื่อง “ส่วย”
ประเด็นที่เป็นทั้งแผลยาแดง-ซึ่งคนภายนอกเห็นได้ชัดเจน และมะเร็ง-ที่กัดกินอวัยวะภายในขององค์กรตำรวจเอง
และเป็นหัวข้อที่ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปมากที่สุด
ยังไม่มีปฏิกิริยาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีปฏิกิริยาจากรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลงานด้านตำรวจ
และยังไม่มีปฏิกิริยาจากนายกรัฐมนตรี ที่ปกติจะ “ไว” ต่อทุกเรื่องที่เข้ามากระทบ
กลยุทธ์ “สงบสยบความเคลื่อนไหว” จะใช้กับกรณีล่าสุดนี้ได้หรือไม่
จะทำให้เหตุการณ์กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง ปล่อยให้คน “ลืมๆ กันไป” เมื่อมีข่าวใหม่เมื่อมีเรื่องใหม่เข้ามาหรือไม่
หรือจะกลายเป็นหอกทิ่มตำ-โดยเฉพาะจากมือของคนกันเอง
ที่จะขยายผลจากบาดแผลตำรวจ ไปสู่บาดแผลของรัฐบาล บาลแผลของ คสช. หรือไม่
ในสถานการณ์ที่ความวัวความควายปะปนกันจนสับสนอย่างนี้
คดีเล็กก็กลายเป็นคดีใหญ่ได้ง่ายๆ