เป็นเรื่องของการทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่บังเอิญไปส่งกลิ่นรบกวนชาวบ้านจนเหลือจะทน ก็เลยถูกร้องเรียนทั้งหนังสือและทางโซเชียล แทบไม่มีที่ยืน ทำอย่างไรดี
นางอู๊ดมีหนังสือถึงเทศบาลตำบลหว้านใหญ่ แจ้งว่าตนเองเป็นผู้ประกอบกิจการเลี้ยงสุกรตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 แล้วก็ถูกร้องเรียนเรื่องกลิ่นมูลสุกรและน้ำเน่าเหม็นมาโดยตลอด แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้องเรียน จึงขอข้อมูลข่าวสารรายชื่อผู้ร้องเรียน ผลการดำเนินการของเทศบาลตำบลหว้านใหญ่ และรายละเอียดทั้งหมดของผู้ร้องเรียนร้องทุกข์ทางเฟซบุ๊กในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 20.02 น. ซึ่งเทศบาลตำบลหว้านใหญ่แจ้งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในส่วนที่เปิดเผยได้ให้นางอู๊ด ส่วนรายชื่อบุคคลที่ร้องเรียนเปิดเผยให้ไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 15 (4) (5) และ (6) นางอู๊ดจึงมีหนังสืออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ในการพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยฯ เทศบาลตำบลหว้านใหญ่มีหนังสือส่งข้อมูลไปประกอบการพิจารณาและชี้แจงสรุปว่า เมื่อปีพ.ศ.2558 เทศบาล ได้รับเรื่องร้องเรียนจากราษฎรว่าได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นมูลสุกรและน้ำเน่าเหม็น ได้ตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปเป็นโรงเรือนก่อสร้างยังไม่เสร็จ ไม่มีระบบจัดการน้ำเสีย ปล่อยน้ำเสียเจิ่งนอง ส่งกลิ่นเหม็นและมีแมลงวัน ได้แนะนำการแก้ปัญหา ซึ่งก็ได้รับทราบและจะแก้ไขต่อไป แต่ก็ไม่เป็นไปตามตกลง
ต่อมาก็มีเรื่องร้องเรียนอีกจึงมีคำสั่งให้หยุดกิจการ ต่อมานางอู๊ดซึ่งอาศัยอยู่บ้านเดียวกับผู้ถูกร้องเรียน เปลี่ยนหน้าไปขออนุญาตใหม่ เทศบาล ก็อนุญาต แต่ให้เลี้ยงได้แค่ 2-3 ตัว และต้องทำความสะอาดคอกหมูทุกวัน ปัญหาเดิมก็ยังไม่จบ และยังขอเลี้ยงเพิ่มเป็น 15-20 ตัว เทศบาลเห็นว่าเพื่อไม่ให้กระทบกับชีวิตและสุขภาพของชาวบ้าน จึงไม่อนุญาตให้เลี้ยงเพิ่มเติม ต่อมาเทศบาล ได้รับเรื่องร้องเรียนทางเฟซบุ๊ก จึงเรียกให้ไปพบเพื่อเปรียบเทียบปรับ ก็ไม่ไป เทศบาล จึงไปแจ้งความ นางอู๊ดจึงขอทราบชื่อบุคคลที่ร้องเรียน ซึ่งก็ได้แจ้งข้อมูลในส่วนที่เปิดเผยได้ให้แล้ว ต่อมาพนักงานสอบสวนมีหนังสือขอทราบรายชื่อผู้ร้องเรียน เพราะนางอู๊ดไปขอให้พนักงานสอบสวนขอให้แทน เทศบาลก็ได้แจ้งพนักงานสอบสวนไปว่าแจ้งนางอู๊ดทราบเท่าที่เปิดเผยได้ไปแล้ว
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารรายชื่อบุคคลที่ร้องเรียนหากเปิดเผย ต่อไปจะไม่มีผู้ใดกล้าให้ข้อมูลการกระทำผิดกฎหมายต่อราชการ อาจทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์ การที่เทศบาลตำบลหว้านใหญ่ปฏิเสธการเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่ร้องเรียนจึงถูกต้องแล้ว ส่วนข้อมูลข่าวสารวัน เดือน ปีที่ร้องเรียน สาเหตุที่ร้องเรียน ผลการดำเนินการของเทศบาลตำบลหว้านใหญ่ และข้อมูลการร้องเรียนของผู้ร้องเรียนร้องทุกข์ทางเฟซบุ๊ก เมื่อเทศบาลตำบลหว้านใหญ่ชี้แจงว่าได้เปิดเผยให้นางอู๊ดทราบแล้ว ก็ไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัย จึงให้ยกอุทธรณ์
เป็นอย่างไรครับ เรื่องหมูแต่ไม่หมูครับ เรื่องนี้มี 2 คนนะครับ คือญาตินางอู๊ดที่ถูกร้องเรียนตอนแรก และนางอู๊ดที่ถูกร้องเรียนต่อเนื่องและใช้สิทธิขอข้อมูลข่าวสาร มีข้อสงสัยการปฏิบัติหรือจะใช้สิทธิตามกฎหมายนี้หารือไปได้ครับที่ 0-2283-4678 www.oic.go.th
“ข้อมูลโปร่งใส ราชการไทยไร้ทุจริต”
