และแล้วอีกหนึ่ง “ยักษ์ใหญ่” ก็ต้องจากไป
“โทมัส คุก” (Thomas Cook) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกสัญชาติอังกฤษ ประกาศล้มละลายอย่างเป็นทางการ ส่งผลกระทบต่อบรรดานักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจำนวนมากกว่า 150,000 คน ที่ติดค้างอยู่ต่างประเทศ
หนึ่งในสาเหตุสำคัญของการปิดกิจการของ โทมัส คุก ก็คือ ความล้มเหลวในการปรับตัวให้เข้ากับการทำธุรกิจในยุค 4.0 ที่ต้องการความคล่องแคล่วว่องไวในการปรับตัวโดยอาศัยเทคโนโลยี เพื่อกระตุ้นรายได้และความอยู่รอดต่อเนื่องของกิจการ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของกิจการที่มีอายุกว่า 178 ปี (ก่อตั้งเมื่อ คศ.1841) ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่กิจการต้องจบลงว่า “ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่แน่นอนของสถานการณ์เบร็กซิทในอังกฤษทำให้การจองตั๋วด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในช่วงวันหยุดฤดูร้อนเลื่อนออกไป นอกจากนี้ บริษัท ซึ่งมีร้านค้าทั่วเกาะอังกฤษประมาณ 600 แห่ง ที่ถูกกดดันอย่างหนักจากการแข่งขันทางเครือข่ายออนไลน์ที่แข่งกันดุเดือดด้วย”
โดยหลักการแล้ว ทางรอดของทุกกิจการมักจะหนีไม่พ้นเรื่องของ “การลดต้นทุนทุกรูปแบบ” โดยเฉพาะการปลดลดพนักงานลงเพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายที่สุด แต่วิธีการนี้อาจจะก่อให้เกิด “วิกฤต” ถึงขั้นปั่นป่วนก็ได้
ในขณะที่หลายกิจการที่ไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง (ด้านเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ) ก็มักจะล้มหายตายจากไป
แต่ในอีกมุมหนึ่งนั้น การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งจะสร้าง “โอกาส” ใหม่ๆ ให้กับกิจการต่างๆ เสมอ เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็มักจะปรับให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
การวางแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและความต่อเนื่องของกิจการ จึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะบ่อยครั้งที่ขาดการวางแผนกลยุทธ์ที่ดี และบ่อยครั้งที่ทั้งความคิดและกลยุทธ์ที่ดี มักถูกเก็บเอาไว้โดยไร้การลงมือทำ ซึ่งอาจเพราะความลังเลไม่แน่ใจ หรือไม่ก็เป็นเพราะผู้บริหารไม่กล้ารับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ความไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงหรือต่อความเสี่ยงต่างๆ มักจะเกิดจากการยึดติดกับความสำเร็จในอดีต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องกับโอกาสต่างๆ ในปัจจุบันและอนาคตเลย
เรื่องที่สำคัญ ก็คือ การทำวันนี้ให้ดีที่สุด โดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต เพื่อจะช่วยทำให้เรามีความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตต่อไป
ทุกวันนี้ ถ้าองค์กรตกอยู่ในสภาวะที่กำลังมีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของความอยู่รอดจากต้นทุนที่สูงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริหารก็ควรจะต้องเริ่มต้นด้วยการพลิกฟื้นสถานการณ์ให้ได้ก่อนเรื่องอื่นๆ จากนั้นจึงค่อยๆ หันไปวางแผนและเลือกทางเลือกในเชิงกลยุทธ์ เพื่อจะได้อยู่รอดและเติบโตต่อไป
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ การคิดและวางแผนกลยุทธ์อย่างครอบคลุม จึงมีความสำคัญยิ่ง คือ ต้องคิดให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ หมายความว่าภายใต้แต่ละสถานการณ์ทางธุรกิจ องค์กรควรจะวางแผนและเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมและชัดเจน (ที่ครอบคลุมตั้งแต่วิธีการคิด การจัดทำ การดำเนินการ เทคโนโลยีที่เลือกใช้ จนนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล)
โดยเฉพาะการเลือกใช้ “เทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” เป็นกลยุทธ์เพื่อปรับเปลี่ยนองค์กรและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สอดคล้องกับยุคสมัย 4.0 ครับผม!
วิฑูรย์ สิมะโชคดี