ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่รัฐบาลจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญวาระแรกรับหลักการระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคมนี้
ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเหนือกฎหมายใดๆ เพราะเป็นการกำหนดเรื่องเงินที่จะใช้จ่ายในการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยแบ่งไปให้ส่วนต่างๆ ของภาครัฐ ทุกกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย เป็นต้น
ทั้งงบลงทุน หนี้ผูกพัน เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้ล้วนอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบ 2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท
เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล!?
ดังนั้น ในการพิจารณา พ.ร.บ.งบจึงมีความจำเป็นต้องมีการกำหนดกฎหมายลงไปในรายละเอียดในการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
นี่ในแง่ของหลักการ!
ทว่าในทางการเมืองนั้น รัฐบาลจะต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.งบเข้าสู่สภาเปิดอากาสให้มีการอภิปรายลงมติแบ่งเป็น 3 วาระ
17-19 ตุลาฯนี้ วาระแรกรับหลักการที่ฝ่ายค้านหมายมั่นปั้นมือรอการชำแหละ แบบละเอียดยิบ เพื่อเรียกคะแนนเสียงโหวตให้ได้มากที่สุด
ขณะที่รัฐบาลเองก็รู้อยู่เต็มอกจะให้ ส.ส.ซีกฝ่ายค้าน หรือฝ่ายค้านอิสระผนึกกำลังโหวตชนะไม่ได้เด็ดขาด
หากรัฐบาลแพ้โหวตนั่นเท่ากับว่า ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เห็นชอบ-ไม่ยอมรับ กับร่าง พ.ร.บ.งบดังกล่าว
ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มี 2 ทางเลือก
หนึ่ง ลาออก และเฟ้นหานายกฯคนใหม่
หนึ่ง ยุบสภา พร้อมจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน
นี่คือเกมการเมืองที่มีเดิมพันสูง!
ระหว่าง “รัฐบาล” และ “ฝ่ายค้าน”
ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับ “ยุทธวิธี” และ “กลยุทธ์” ของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะบริหารจัดการคุมเสียงข้างมากไว้ได้อย่างไร?
อย่าลืมว่ารัฐบาลเองก็มีเสียง ส.ส.ในมือมากกว่าฝ่ายค้านเพียงเล็กน้อย เรียกว่าเสียง “ปริ่มน้ำ” ดังนั้น จะทำอย่างไรให้ผลโหวตออกมาชนะแบบขาดลอยเพื่อสร้างความชอบธรรม
ย้อนการเมืองไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและอาจต่อไปในอนาคต มีปัจจัยอะไรเล่าที่สามารถแลกกับชื่อเสียง เกียรติภูมิ อุดมการณ์ ให้แปรเปลี่ยนได้
หนึ่ง “เงิน” ที่ว่าสามารถง้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพราะเกิดจากความพึงพอใจของทั้ง 2 ฝ่ายระหว่าง “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” ที่มักจะทำกันในที่ “ลับ” ไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานให้สืบสาวไปถึงตัวได้
บางคนอาจกลัวถูก “หักหลัง” หรือ “ถูกหลอก” อาจขอเงิน “ดาวน์” ก่อนหรือ “หยิบสด” จบกันเป็นคราวๆ ไปหรือไม่?!
หนึ่ง การให้ความช่วยเหลือทาง “ธุรกิจ” หรือ “คดีความ” ซึ่งเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ที่อาจเกิดภาวะจำยอม ทำให้แปรพักตร์ ที่ผ่านมาก็มีให้เห็นตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง
ดังนั้น ณ เวลานี้ แสงแห่งสปอตไลต์ จึงฉายจับมายัง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ แกนนำพรรค จะหาวิธี “ล้อมคอก” พลังดูด ดึง ฉก บรรดา ส.ส.ของพรรคไม่ให้ “แตกแถว” ได้อย่างไร?
ป้องกัน “งูเห่า” แอบเลื้อยเข้าไปหลบซอกหลืบในชายคารัฐบาลผ่านงบ’63!?!