บทบาท คมเข้ม ‘จาริก’ แสวงหา ‘ศัตรู’ ของ พลังประชารัฐ

ปัญหาอันแวดล้อมอยู่โดยรอบเนื่องแต่ปฏิบัติการของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าต่อพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าต่อพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าต่อพรรคชาติไทยพัฒนา

มากด้วยความละเอียดอ่อน อ่อนไหว

เริ่มจากกรณีการยื้อแย่งตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาวิธีการและหลักเกณฑ์แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560

นี่ย่อมกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์

Advertisement

ตามมาด้วยบทบาทในการขุดคุ้ยรัฐมนตรีสำคัญคนหนึ่งภายใต้กระแสการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจโดยเครือข่ายสื่อที่สัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐ

นี่ย่อมกระทบกับพรรคภูมิใจไทยโดยตรง

ขณะที่กรณีมีการเปิดโปงออกมาว่า ส.ส.คนดังคนหนึ่งแห่งพรรคพลังประชารัฐถือครองที่ดิน ส.ป.ก.มากกว่า 1,700 ไร่

Advertisement

ในที่สุดงานนี้ก็ตกอยู่บนบ่าของพรรคชาติไทยพัฒนา

ยิ่งมีความเด่นชัดว่าการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ของ ส.ส.คนดังแห่งพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นอย่างไม่ชอบมาพากล ก็ยิ่งสร้างความหนักใจให้กับกรมป่าไม้

ไม่เพียงแต่รัฐมนตรีพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้นที่จะเหนื่อย

หากแม้กระทั่งรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐเองก็ตกที่นั่งลำบาก

ยิ่งเป็น ส.ส.คนโปรดของนายกรัฐมนตรีก็ยิ่งหนักใจ

เช่นเดียวกับ กรณีที่สื่อในเครือข่ายของพรรคพลังประชารัฐเปิดยุทธการถล่มรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยอย่างหนักหน่วง

มีหรือที่พรรคภูมิใจไทยจะยอมตกเป็น “เป้านิ่ง”

การดำเนินการฟ้องร้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมเป็นอาวุธ อาจเป็นช่องทางหนึ่ง แต่มีหรือที่พรรคภูมิใจไทยจะไม่ตระหนักว่ายุทธการเช่นนี้ต้องมาจากภายในพรรคพลังประชารัฐแน่นอน

เหมือนกับกรณี “ประธาน” คณะกรรมาธิการวิสามัญไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะมองสภาพการณ์อันกำลังเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ด้วยสายตาอะไร สายตานักการทหาร สายตานักการเมือง

นี่ย่อมหนักหนา สาหัส

เพราะการปะทะกับพรรคประชาธิปัตย์ย่อมหมายถึง 53 ส.ส.ที่อยู่ในมือ เพราะการปะทะกับพรรคภูมิใจไทยย่อมหมายถึง 51 ส.ส.ที่อยู่ในมือ

เพราะการปะทะกับพรรคชาติไทยพัฒนาย่อมหมายถึง 11 ส.ส.ในมือ

อย่าว่าแต่ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ จะต้องเหนื่อยเลย แม้กระทั่ง นายสิระ เจนจาคะ ยังต้องวิ่งพึ่งกระบวนการยุติธรรม

ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา คิดอย่างไร

ความหงุดหงิดของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สัมผัสได้ ความหงุดหงิดของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สัมผัสได้ ความหงุดหงิดของ นายวราวุธ ศิลปอาชา สัมผัสได้

ต้นเดือนธันวาคม ย่อมมี “คำตอบ”

เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐมีเพียง 116 ส.ส.อยู่ในมือ จำเป็นต้องพึ่ง 53 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำเป็นต้องพึ่ง 51 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จำเป็นต้องพึ่ง 11 ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา

ฐานะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงจะไม่คลอนแคลน

เดือนธันวาคมมาถึงเมื่อใด นั่นหมายถึง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติ “ไม่ไว้วางใจ” จักต้องดำเนินการ

เมื่อนั้นแหละจะรู้ว่า “นรก” มีอยู่จริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image