“การสร้างมูลค่าเพิ่ม” ด้วย “เทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของนโยบาย “Thailand 4.0” (ประเทศไทย 4.0)
ทุกวันนี้ การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน จึงเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมขององค์กร ซึ่งมุ่งไปที่หลักการ “ทำน้อยได้มาก” แทนที่การเป็นผู้รับจ้างผลิตแบบเดิม ที่ “ทำน้อยได้น้อย” และ “ทำมากก็ได้กลางๆ”
การปรับเปลี่ยนเป็นหลักการเพิ่มผลผลิต (Productivity) ด้วยแนวความคิด “ทำน้อยได้มาก” จึงต้องเปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” ให้มากขึ้นๆ
ดังนั้น ช่วงนี้จึงเห็นความพยายามของภาครัฐในการสนับสนุนกิจการประเภท Startup เศรษฐกิจในยุค “Thailand 4.0” จึงเน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และการบริการ โดยเน้นที่ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ควบคู่ไปกับการสร้างสังคมที่มีจิตวิญญาณของความเป็นผู้ประกอบการและความเข้มแข็งของชุมชนและเครือข่าย โดยเชื่อมั่นว่าเมื่อชุมชนแข็งแรงแล้ว เราก็สามารถจะเชื่อมต่อกับ ASEAN และโลกต่อไป
กลไกการขับเคลื่อน (Engines of Growth) เศรษฐกิจยุคใหม่ตามนโยบาย “Thailand 4.0” ประกอบไปด้วย 3 กลไกด้าน Productive Growth, Inclusive Growth และ Green Growth
เป้าหมายสำคัญของ Productive Growth Engine ก็เพื่อปรับเปลี่ยนประเทศไทยสู่ประเทศที่มีรายได้สูง (High Income Country) ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ปัญญา เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์
เป้าหมายสำคัญของ Inclusive Growth Engine ก็เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงเป็นธรรม เป็นการลดความเหลื่อมล้ำและเป็นการกระจายรายได้ โอกาส และความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เป้าหมายสำคัญของ Green Growth Engine ก็เพื่อสร้างความมั่งคั่งของไทยในอนาคต คือจะต้องคำนึงถึงการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการหลุดออกจากกับดักความไม่สมดุลของการพัฒนาระหว่างคนกับสภาพแวดล้อม
ทั้ง 3 กลไกขับเคลื่อนสู่ “ประเทศไทย 4.0” ถือเป็นการปฏิรูปประเทศไทยไปสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการลงทุนต่างประเทศ ที่มีการลงทุนการวิจัยและพัฒนาตัวเองน้อยมาก ไปเป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาการศึกษาของบุคลากร การสร้างงานวิจัยและพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจและความทันสมัยให้ไทยสามารถอยู่ได้ในศตวรรษที่ 21 และสามารถยืนอยู่บนขาตัวเองได้
กลไกขับเคลื่อนทั้ง 3 กลไกเพื่อเข้าสู่ “ประเทศไทย 4.0” นี้ จะมุ่งเน้นในการพัฒนากลุ่มอาชีพและบุคลากร 4 กลุ่ม (กลุ่มเกษตรกร กลุ่ม SMEs กลุ่มงานบริการ และกลุ่มแรงงาน) ให้มีศักยภาพและมีความ SMART มากขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กร และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยรวมด้วย
ส่วนภาคอุตสาหกรรมนั้น ก็จะต้องเป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
เรื่องที่ต้องคิดหนักในวันนี้ก็คือ ความพร้อมของบุคลากรและเครื่องมือต่างๆ ที่จะสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยหลักการของ “ทำน้อยได้มาก” ครับผม!
วิฑูรย์ สิมะโชคดี