เมื่อหลายวันก่อน มีคนไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวกับเรื่องที่ดินกว่า 1,700 ไร่ที่ “ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ครอบครอง
พล.อ.ประยุทธ์ผุดวรรคทองว่า “รัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย”
อยากจะปรบมือให้ แต่ช้าก่อน !
อย่าลืมว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมือง ท่วงท่า ลีลา การพูดจา แม้กระทั่งรอยยิ้มยังไม่เหมือนเดิม
ครั้งที่เป็นหัวหน้า คสช.นั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้อำนาจมาด้วย “ปืน” นิยมชมชอบออกอาการเกรี้ยวกราด ข่มขู่ ขึงขังจนถึงขั้นคุกคาม
นโยบาย “ทวงคืนผืนป่า” ที่คล้ายกับว่าประเทศจะได้ประโยชน์จากการยึดคืนที่ดินนั้นถ้าจะกล่าวตามจริงแล้ว คสช.ยังไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดว่า สัดส่วนที่ยึดคืนมานั้นระหว่างยึดจากชาวบ้านกับนายทุน ผู้มีบารมี ผู้กว้างขวางนั้นมีจำนวนมากน้อยต่างกันเพียงใด
ดังกรณีที่อุทยานแห่งชาติไทรทองปฏิบัติตามนโยบาย คสช.ด้วยการดำเนินคดีชาวบ้าน “บ้านซับหวาย” จังหวัดชัยภูมินั้นนับเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ฟ้อง 19 คดี จนชาวบ้านแพ้ความ ศาลสั่งจำคุก 13 คน รอลงอาญา 1 คน
แต่กรณีบ้านซับหวายนั้น คู่ต่อสู้คือ “ชาวบ้าน” กับ “เจ้าหน้าที่รัฐ”
เทียบกับที่ราชบุรี คู่ต่อสู้ของเจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องย่อมไม่ใช่ผู้บุกรุกที่สิ้นไร้ไม้ตอก
อย่าลืมว่า “พลังประชารัฐ” เป็นพรรคการเมืองที่ร่วมกับ ส.ว.อุ้ม พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งภายใต้ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”
“ปารีณา ไกรคุปต์” เป็น ส.ส.ราชบุรี ของพลังประชารัฐ
เจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้องจะบุ่มบ่ามแต่งชุดดำ ถือปืนไปเดินเกะกะทำท่าทางขึงขัง หรือจะไปหว่านล้อมให้เซ็นเอกสารอะไรก็ไม่ง่ายเหมือนที่ทำกับชาวบ้าน
ถึงแม้อธิบดีกรมป่าไม้จะเตะลูกไปให้ ส.ป.ก.แล้ว และถึงแม้จะมีรายงานข่าวออกมาบ้างแล้วว่า ที่ตั้งฟาร์มของนางสาวปารีณา 8 หลังนั้น 7 หลังอยู่ในเขต ส.ป.ก. และ 1 หลังอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ แต่กล่าวกันอย่างเป็นธรรม เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต้องลงมือพิสูจน์อย่างรวดเร็วไม่รอช้า
ทำกันให้กระจ่าง ทำด้วยใจที่สว่าง ทำอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
กรณี “ปารีณา” ไม่ใช่ที่ดินแค่ 5 ไร่ 10 ไร่ แต่เป็น 1,706 ไร่
เทียบย้อนกลับไปยังกรณี “บ้านซับหวาย” ชัยภูมิ ต่างกันสิ้นเชิงทั้งปริมาณ ศักยภาพ และสถานะ !?!!
