ในการเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายนนี้ ภารกิจสำคัญที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำ คือ การสร้างมิตรภาพระหว่างศาสนาทุกศาสนา นอกจากทรงปฏิบัติภารกิจเพื่อคริสต์ศาสนิกชนชาวไทยแล้ว การเสด็จเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้ พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะพบผู้นำศาสนาและนิกายต่างๆ ในประเทศไทย โดยตามหมายกำหนดการเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น. ท่านจะเสด็จ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพบผู้นำศาสนาและนิกายต่างๆ
สำหรับคณะสงฆ์วัดพระเชตุพน ซึ่งได้ถวายการทำงานตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 ตามพระสมณประสงค์ เริ่มตั้งแต่การปริวรรตคัมภีร์พระมาลัยในพระพุทธศาสนา การเข้าร่วมประชุม “ศาสนากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่นครรัฐวาติกันจัดร่วมกับสหประชาชาติ รวมถึงการมอบผู้แทนจากสำนักวาติกัน เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมพิธีสำคัญของวัดพระเชตุพน ถือเป็นการเน้นย้ำให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนในพระสมณประสงค์ที่จะสร้างสันติภาพ
“ในการเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อช่วงเที่ยงเศษ ของวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พระราชรัตนสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน พร้อมด้วยคณะสงฆ์และคณะทำงาน ได้เข้าพบพระคาร์ดินัล มิเกล แองเกิล อยุโซ กวีโซ ซึ่งปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งประธานสภาการเสวนาระหว่างศาสนาของนครรัฐวาติกัน และเป็นคณะบาทหลวงชั้นผู้ใหญ่ที่ได้ตามเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเยือนราชอาณาจักรไทย
ในการเข้าพบครั้งนี้ พระคาร์ดินัลมิเกล ท่านได้แจ้งพระสมณประสงค์แก่คณะสงฆ์วัดพระเชตุพน ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ท่านทรงปรารถนาที่จะเห็นการทำงานร่วมกันทุกศาสนาเพื่อสร้างสันติภาพแก่โลก ที่ผ่านมาพระองค์ท่านทรงรู้สึกขอบคุณคณะสงฆ์วัดพระเชตุพน ที่ได้ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด และท่านประสงค์ที่จะให้มิตรภาพดำเนินต่อไปอย่างงดงาม และในช่วงกลางปีหน้า นครรัฐวาติกันมีโครงการที่จะเชิญผู้นำศาสนาทุกศาสนา เข้าร่วมประชุมเพื่อสานเสวนาร่วมกัน
หนึ่งในนั้นจะเป็นคณะสงฆ์จากวัดพระเชตุพน พระคาร์ดินัลมิเกล ท่านได้เล่าให้อาตมาฟังต่อไปอีกว่า ภารกิจสำคัญของท่านคือ ติดตามสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ไปในพื้นที่ต่างๆ ในหลายประเทศบนโลกใบนี้ และในทุกประเทศที่ได้ไปเยือน ท่านจะบอกแก่ทุกคนว่า ท่านมีมิตรแท้อยู่ที่ประเทศไทย คือ คณะสงฆ์วัดพระเชตุพน ปรารถนาจะสร้างสันติภาพบนโลกใบนี้ เพราะมิตรภาพไม่มีศาสนา ถ้ามิตรภาพมีศาสนา คนในโลกนี้คงมีเฉพาะที่นับถือศาสนาเดียวกันเท่านั้นที่สร้างมิตรภาพได้ แม้ว่าจะนับถือศาสนาที่ต่างกัน แต่เราได้ร่วมกันสร้างสันติภาพ ท่านปรารถนาที่จะให้ทุกๆ ศาสนาจับมือร่วมกันเดินเพื่อสร้างสันติสุข ลดความขัดแย้ง
ในช่วงท้ายก่อนจบการพูดคุย พระราชรัตนสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน และคณะสงฆ์ ได้ถวายของที่ระลึกและหนังสือ “วาติกัน-วัดโพธิ์ มิตรภาพระหว่างสองศาสนา” ที่จัดทำเป็น 3 ภาษา คือ ไทย-อังกฤษ-อิตาลี แก่พระคาร์ดินัล มิเกล แองเกิล อยุโซ กวีโซ เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
การเสด็จเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ของพระองค์ จึงนับเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะแสดงให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าเราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข แม้ว่าจะนับถือหรือมีความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน ดังเจตนารมณ์ในพระองค์ท่าน ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพแก่โลกใบนี้
อาตมาขอจบบทความด้วยพระราชสาส์นที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงมีพระดำรัสถึงคณะสงฆ์วัดพระเชตุพน ใจความว่า
“…ข้าพเจ้าขอต้อนรับพวกท่านอย่างอบอุ่น และขอขอบคุณพวกท่านสำหรับของขวัญอันล้ำค่า คือ พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่าน นี่เป็นเครื่องหมายที่ชัดเจนในความใจกว้าง เมตตาจิต และไมตรีจิตของพวกท่าน ที่พวกเราได้เอื้ออาทรแบ่งปันกัน นับเป็นเวลาเนิ่นนานหลายปี ซึ่งเกิดจากก้าวเล็กๆ ในการจาริกร่วมเดินทางด้วยกันหลายย่างก้าว ข้าพเจ้าคิดถึงเป็นพิเศษ เมื่อครั้งการพบปะเสวนากัน ณ นครรัฐวาติกัน ระหว่างบุญราศี สมเด็จพระสันตะปาปา ปอลที่ 6 กับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) ซึ่งภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ของท่านเจ้าประคุณสามารถเห็นได้ ณ ประตูทางออกสมณสภา เพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา (แห่งสันตะสำนักนครรัฐวาติกัน)…
“ด้วยความปรารถนาจากบึ้งหัวใจของข้าพเจ้า เพื่อขอให้พุทธศาสนิกชนและคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกจะได้เจริญเติบโตยิ่งๆ ขึ้นในความใกล้ชิดอย่างไม่หยุดหย่อน มีความก้าวหน้าในความรู้ของกันและกันให้มากขึ้น มีความเคารพต่อกันและกันในธรรมประเพณีแห่งวิถีชีวิตฝ่ายจิตตามความเชื่อถือของทั้งสองศาสนา ทั้งนี้ เพื่อการเป็นประจักษ์พยาน มอบแก่ชาวโลกในการตระหนักถึงคุณค่าแห่งความยุติธรรม สันติสุข และการพิทักษ์ป้องกันศักดิ์ศรีของมนุษย์…
“…ด้วยความกตัญญูต่อพวกท่านอีกครั้งหนึ่งในการพบปะกันวันนี้ ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระพรนานัปการ จากองค์พระเจ้ามายังทุกๆ ท่าน ขอให้ท่านเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีและสันติสุข…”
พระราชปริยัติมุนี
(เทียบ สิริญาโณ ป.ธ.9 รศ.,ดร.)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน
