รื่นร่มรมเยศ : เมื่อคนเกิดเป็นหมา (1) : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

รื่นร่มรมเยศ : เมื่อคนเกิดเป็นหมา (1) : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

รื่นร่มรมเยศ : เมื่อคนเกิดเป็นหมา (1) : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

หัวเรื่องบทนี้ดุเดือดหน่อย แต่ต้องการบอกว่าทุกชีวิตมีสิทธิปรับเปลี่ยนได้ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ตามหลักพระพุทธศาสนานั้นทุกชีวิตเป็นไปตามกรรม (การกระทำ) เมื่อทำดีไว้ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็มีโอกาสไม่เกิดในที่ดีๆ ได้ มิได้จำกัดไว้เฉพาะคน หมาที่ทำดีมันก็มีสิทธิเป็นเทวดาได้

นัยตรงกันข้าม ถ้าทำไม่ดีไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็มีสิทธิไปไม่ดีตกนรกหมกไหม้ได้ หรืออย่างเบาๆ คนที่ทำไม่ดีก็มีสิทธิไปเกิดเป็นหมาได้ เรื่องราวเป็นประการใดลองตามผมมาสิ จะเล่าเรื่องคนเกิดเป็นหมาให้ฟัง

มีเศรษฐีมหาศาล (หมายถึงเศรษฐีที่รวยมากเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐี) คนหนึ่งชื่อ โตเทยยะ เป็นคนตระหนี่มาก ก็คงเพราะตระหนี่นี้กระมังที่ทำให้แกรวยเอาๆ ได้มาเท่าไหร่ก็เก็บหมด ไม่ทำบุญทำทาน ไม่บริจาคเพื่อสาธารณกุศลใดๆ ทั้งสิ้น

Advertisement

ลูกเมียเองก็ให้อยู่กินอย่างประหยัด เขาสอนลูกว่าการบริจาคแบ่งปันมีแต่ทางจะทำให้ทรัพย์ร่อยหรอไป ให้ดูอย่างจอมปลวกสิ ปลวกมันค่อยๆ ก่อขึ้นทีละนิดๆ ในที่สุดก็กลายเป็นจอมปลวกใหญ่ขึ้นมาได้ เราต้องสะสมทรัพย์วันละเล็กละน้อย นานเข้าทรัพย์ก็จะมากเอง

เมื่อโตเทยยะตายไป ก็ไปเกิดเป็นหมาในบ้านของตน เพราะความห่วงทรัพย์สมบัติจึงไปไหนไม่ได้ สุภะ ลูกชายโตเทยยะรักหมาตัวนี้มาก ถึงขนาดให้นอนห้องเดียวกับตน

วันหนึ่งสุภะลูกชายโตเทยยะเดินออกจากบ้านไปทำธุระข้างนอก พอดีวันนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปบิณฑบาตผ่านบ้านสุภะ หมาตัวนั้นเห็นพระพุทธเจ้าจึงเห่าเสียงดัง

Advertisement

พระพุทธองค์ตรัสไล่หมาว่า “โตเทยยะ เมื่อก่อนเธอไม่ทำบุญทำทาน แถมยังนึกดูหมิ่นสมณชีพราหมณ์ บัดนี้เจ้ามาเกิดเป็นหมาแล้วยังไม่สำนึกอีกหรือ”

หมาได้ยินดังนั้นก็วิ่งหางตก ร้องเอ๋งๆ ไปนอนอยู่บนกองขี้เถ้า แม้คนในบ้านจะไปอุ้มมันขึ้นไปนอนบนบ้านเหมือนเคย มันก็ไม่ยอม มันวิ่งลงไปนอนที่กองขี้เถ้าเหมือนเดิม

สุภะกลับมาเห็นสุนัขตัวโปรดเปลี่ยนแปลงไป จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น คนในบ้านรายงานว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรียกมันว่า “โตเทยยะ” เท่านั้น มันก็กลับกลายเป็นเช่นนี้

เศรษฐีหนุ่มได้ยินก็เลือดขึ้นหน้า ดีนะ เป็นพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นคนอื่นแกคงเล่นงานหนักแน่ บังเอิญว่าแกนับถือพระพุทธเจ้าอยู่จึงไปกราบทูลถามว่า เพราะเหตุใดพระองค์จึงทรงเรียกสุนัขของเขาว่า “โตเทยยะ” เพราะโตเทยยะเป็นชื่อพ่อเขา

พระพุทธองค์ตรัสว่า “ใช่แล้ว สุภะ โตเทยยะพ่อเธอตายไปมาเกิดเป็นสุนัขตัวนี้”

เขายืนกรานว่า “พ่อของข้าพระพุทธเจ้าต้องไปเกิดในพรหมโลกแน่นอน ทำไมพระองค์จึงว่าอย่างนี้ ข้าพระพุทธเจ้าไม่เชื่อเด็ดขาด”

พระพุทธองค์ตรัสว่า “สุภะ ทรัพย์สมบัติของพ่อเธอที่เธอได้รับมรดกมา มีบ้างไหมที่เธอคิดว่าพ่อเธอไม่ได้บอกไว้”

สุภะกราบทูลว่า “เท่าที่ทราบมีหมวกทองคำ รองเท้าทองคำ ถาดทองคำ แต่ละอย่างราคาอย่างละแสนกหาปณะ และกหาปณะอีกแสนหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าพ่อเก็บไว้ที่ไหน”

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เธอลองถามสุนัขตัวโปรดของเธอดูสิ อาบน้ำให้มันอย่างดี ให้กินอาหารอย่างดี แล้วพูดเพราะๆ กับมัน เรียกมันว่า ‘พ่อ’ ถามมันว่าพ่อซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ที่ไหน กรุณาบอกลูกด้วยเถิด”

เศรษฐีหนุ่มจำต้องทำตามด้วยเหตุผล 2 ประการคือ เพื่อจะได้ทรัพย์สินที่ยังค้นไม่พบ และเพื่อพิสูจน์ว่าที่พระพุทธเจ้าตรัสนั้นจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงก็จะได้ต่อว่าพระพุทธองค์ ที่อยู่ดีไม่ว่าดีมาดูถูกว่าพ่อของเขาเกิดเป็นหมา

สุนัขตัวโปรดเมื่อเศรษฐีหนุ่มเรียกมันว่า “พ่อ” มันก็ดีใจที่รู้ว่าลูกชายจำมันได้ มันวิ่งไปหลังบ้าน เอาเท้าคุ้ยดินพลางเห่าเสียงดัง เศรษฐีหนุ่มสั่งให้คนเอาจอบขุดลงไปตรงที่นั้น แล้วเขาก็เบิกตากว้าง เมื่อพบหีบใบใหญ่ฝังอยู่

เมื่อนำไปเปิดดูก็ปรากฏว่ามีสิ่งที่กล่าวมานั้นอยู่ในหีบครบถ้วน เขาไปเฝ้าพระพุทธองค์ กราบทูลให้ทรงทราบว่าได้พิสูจน์ตามพระดำรัสแล้ว และบัดนี้เชื่อแล้วจริงๆ ว่าพ่อของตนมาเกิดเป็นหมา

ตั้งแต่นั้นมาเศรษฐีหนุ่มก็ทำบุญทำทานเป็นการใหญ่ เพราะได้เห็นมากับตาตนเองว่า พ่อของตนตระหนี่ถี่เหนียวไม่ทำบุญทำทาน ไม่บริจาคแก่สาธารณกุศล ตายแล้วก็เอาติดตัวไปไม่ได้ แถมยังไปเกิดเป็นหมาอีก

เรื่องบุญเรื่องกรรมก็เป็นเช่นนี้แหละครับ หว่านพืชเช่นใดก็ย่อมได้ผลเช่นนั้น ทำกรรมอย่างใดก็ได้ผลเช่นนั้น เพราะฉะนั้นพระท่านจึงสอนไม่ให้ก่อเวรก่อกรรม ให้ทำแต่สิ่งดีงาม เพื่อว่าตายไปแล้วจะได้ไปสู่ภพที่ดี

เกิดเป็นหมามิใช่ของสนุกครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image