เหยี่ยวถลาลม 10ธ.ค.62 : จากสว่างถึงทางตัน

เรื่องที่ดิน “ปารีณา” จะเอายังไงกันแน่ ผู้คนวงนอกซึ่งไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับกฎหมายป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ และกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ชักสับสนงุนงง

ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกตัวแรงถึงกับว่า ที่เจ้าพนักงานกรมป่าไม้กับ ส.ป.ก.นำหมายศาลเข้าตรวจสอบและรังวัดฟาร์มไก่ปารีณานั้น “รังวัดแบบหยาบ” จะสั่งให้รังวัดใหม่

ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) เปิดใจยอมรับว่า ส.ส.ปารีณาเข้าพบร้องขอให้รังวัดใหม่

“วิณะโรจน์” ยังแถมคำอธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ดินของปารีณานั้นเรียกว่า “พื้นที่ติดแปลง” กล่าวคือ มีการทำกินก่อนการโอนพื้นที่จากกรมป่าไม้มาให้ ส.ป.ก. บริเวณนั้น (ที่ตั้งฟาร์มไก่ปารีณา) ยังไม่เคยมีการจัดสรร รังวัด

Advertisement

เลขาธิการ ส.ป.ก.นำเสนอว่า

1.หาก ส.ส.ปารีณายอมรับที่จะรังวัดที่ดินสอบแนวเขต ส.ป.ก.ใหม่ ต้องยอมรับเงื่อนไขว่า สามารถถือครองหรือทำกินบนที่ดิน ส.ป.ก.ได้ไม่เกิน 50 ไร่ต่อรายเท่านั้น

2.ต้องดูคุณสมบัติของผู้ที่จะทำกินด้วย หาก ส.ส.ปารีณาต้องการ 50 ไร่ตามสิทธิ ส.ป.ก.สามารถจัดสรรได้ แต่ต้องมาดูคุณสมบัติว่า เป็นเกษตรกรหรือไม่

Advertisement

เริ่มจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

“ปารีณา” ท่าจะมีทางออก

แต่มิทันข้ามคืน บังเกิดเสียง “ทวงถาม” กระหึ่มก้องแพร่ลามไปทุกครัวเรือน

“มาตรฐาน” การบังคับใช้กฎหมาย !

ในเฟซบุ๊กส่วนตัว มือกฎหมายอย่าง “ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรีคล้ายๆ จะเรียกสติ “ส.ป.ก.” ให้กลับคืนมา

“ปรเมศวร์” ชี้ว่าเอาแค่คำจำกัดความตามมาตรา 4 พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 “ซักสองเรื่อง”

หนึ่ง การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คือการปรับปรุงเกี่ยวกับ “สิทธิและการถือครอง” ในที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งรัฐจัดให้กับเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน กับ สอง เกษตรกรที่จะได้รับสิทธิเข้าทำกินในพื้นที่ ส.ป.ก. คือผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก

6 ธ.ค. “วิณะโรจน์” ต้องแถลงอีกครั้งว่า เตรียมทำหนังสือให้ปารีณาคืนที่ดิน 682 ไร่ บริเวณฟาร์มไก่ให้ ส.ป.ก.ภายใน 7 วัน หากไม่ยอม จะใช้คำสั่งตาม ม.44 ยึดคืนทันที

เปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปเร็วเหลือเกิน จาก 26 พ.ย.ถึง 6 ธ.ค. ชั่วเวลาแค่ 10 วัน “ทางสว่าง” ไฉนกลายเป็น “ทางตัน” !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image