สิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาน่าหนักใจ ตั้งแต่ระดับโลก จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่ออสเตรเลีย ส่งผลกระทบกว้างไกลถึงประเทศรอบๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป สำหรับประเทศไทย มีเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ที่ยังแก้ไขไม่ตก ตัวเลขเมื่อตอนบ่าย วันที่ 9 มกราคม กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานสภาพในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ว่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยตรวจวัดจาก 48 สถานี ตรวจวัดค่า ได้ 44-80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.
ปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตฐานและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 41 พื้นที่ (พื้นที่สีส้ม) ค่าฝุ่นที่เกินค่ามาตรฐาน ได้แก่ บริเวณแขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพฯ, ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ, แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ, ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ, ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ, ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ, แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ, ต.นครปฐม อ.เมือง นครปฐม, ต.บางกรวย อ.บางกรวย นนทบุรี, ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด นนทบุรี, ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ปทุมธานี, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ตลาด อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ, ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง สมุทรปราการ, ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร, และค่าฝุ่นสูงสุดอยู่ที่ ต.มหาชัย อ.เมือง สมุทรสาคร วัดได้ 80 มคก./ลบ.ม. ส่วนฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ตรวจพบค่าระหว่าง 66-130 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.นครปฐม อ.เมือง นครปฐม
หน่วยงานได้เตือนว่า ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งและติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด และกำลังแก้ไขปัญหาตามแผนปฏิบัติการซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งการก่อสร้างขนาดใหญ่ และการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดฝุ่น โรงงานอุตสาหกรรม กิจวัตร การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ขณะที่ประชาชนจะต้องระมัดระวังสุขภาพตัวเองและติดตามข่าวสารข้อมูลตลอดเวลา ถึงเวลาที่รัฐบาลและหน่วยงานที่ดูแลสภาพแวดล้อม จะต้องใช้มาตรการเข้มข้น เพื่อนำไปสู่การควบคุมฝุ่นให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพให้ได้
