สกัดได้หรือ โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สัญญาณเข้มข้น ขึ้นเป็นตามลำดับ

ที่แกนนำรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไม่อยากให้กิจกรรมแบบ “วิ่ง ไล่ ลุง” เกิดขึ้นอีก

โดยเฉพาะตอนนี้โฟกัสไปที่การจัดงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้

ซึ่งคงต้องดูอำนาจรัฐ จะสกัดกิจกรรมในฟากฝั่งไม่สนับสนุนรัฐบาลได้หรือไม่

Advertisement

เชื่อว่าคงสกัดกันเต็มที่ ในทุกรูปแบบ

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงความข้องใจ แบบ “อิ หยัง วะ” ทำงานก็หนัก ทำงานมาก และไม่คิดว่าใครเป็นศัตรู

แต่ก็ยังมีคนออกมาขับไล่อีก

Advertisement

ดังนั้น กลไกรัฐคงออกแรงกันเต็มที่เพื่อไม่ให้ วิ่ง ไล่ ลุง มีขึ้น

ด้วยเพราะมันจะไปตอกย้ำการขับไล่ลุง “จุดติด”

และยิ่งเมื่อสามารถขยายตัวออกไปจัดในภูมิภาคได้ เชื่อว่าก็คงมีอีกหลายภูมิภาคขานรับ

ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อรัฐบาล

และคงต้องจับตาว่าจะใช้วิธีการใดสกัดและจะทำได้หรือไม่

หรือจะเป็นอย่างที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.และรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ตั้งข้อสังเกตก็คือ

วิ่ง ไล่ ลุง ที่จัดใน กทม.ครั้งแรก ก็ถูกห้ามแบบเชียงใหม่เช่นกัน

แต่สุดท้าย กระแสการตอบรับจากสังคมจะเป็นคำตัดสิน พล.อ.ประวิตรไม่ได้มีอำนาจบีบบังคับเสรีภาพของประชาชนได้ การจัดกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นเสรีภาพของประชาชน

ซึ่งตรงนี้แหละเป็นจุดแข็งของฝ่ายขับเคลื่อนกิจกรรม เพราะหากสามารถระดมคนออกมาร่วมได้มาก

ฝ่ายรัฐบาลคงดำเนินการอะไรลำบาก

ยิ่งตอนนี้มีเงื่อนไขที่ทำให้กิจกรรม วิ่ง ไล่ ลุง มีประเด็นสมควรที่จะขับเคลื่อน

โดยเฉพาะประเด็นแห่งความเท่าเทียม และการมีมาตรฐานขององค์กรอิสระ ที่ฝ่ายฟากรัฐบาลและอดีตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มักจะใช้เป็นกลไกในการขจัดฝ่ายตรงข้าม

ที่ร้อนแรงตอนนี้ก็คือ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำลังเผชิญคำถามอย่างหนักหน่วงถึงความเท่าเทียมเป็นธรรมในการปฏิบัติต่อพรรคการเมือง กรณีการกู้ยืมเงินของพรรคอนาคตใหม่

ซึ่งนอกเหนือจากเอกสารหลุดเกี่ยวกับขั้นตอนปฏิบัติที่ชวนให้เกิดคำถาม โดยเฉพาะการมุ่งที่จะให้ยุบพรรคแล้ว

ยังปรากฏข้อมูลว่ามิใช่มีเพียงพรรคอนาคตใหม่เพียงพรรคเดียวที่มีปัญหา แต่ยังมีพรรคอีกหลายสิบพรรคก็มีปัญหาเช่นกัน

แต่คำถามก็คือ ได้มีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่

หรือมีเป้าหมายจัดการเพียงบางพรรคหรือบุคคลบางคนเท่านั้น

การปฏิบัติที่หลายมาตรฐานและเลือกปฏิบัตินี้เอง ได้ไปทำให้ตะกอนที่อยู่ในใจของประชาชนฟุ้งกระจายขึ้นมา

และต้องการแสดงออกมาให้เห็น

แน่นอน ส่วนหนึ่งก็คือ การเข้าร่วมกิจกรรม วิ่ง ไล่ ลุง นั่นเอง

ดังนั้น จึงอาจเป็นคำตอบให้กับฝ่ายรัฐบาล รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ระดับหนึ่งว่า วิธีการอะไรจึงจะทำให้คนไม่เข้าร่วมกิจกรรม วิ่ง ไล่ ลุง

แน่นอน สิ่งสำคัญประการหนึ่งนั่นก็คือ การคืนความเป็นธรรม เท่าเทียม และไม่หลายมาตรฐาน ให้แก่ทุกฝ่ายทุกกลุ่ม

เพียงแค่นี้ก็จะทำให้คนพร้อมจะอยู่ในที่ตั้ง แถมยังจะให้โอกาสรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้พิสูจน์ฝีมืออีกระยะ

แต่หากยังคงทำแบบเดิมๆ แถมยังหากลวิธีสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนในทุกวิถีทางด้วย

เชื่อว่ากิจกรรม วิ่ง ไล่ ลุง ก็คงคึกคักและขยายตัวออกไปเรื่อยๆ

ยิ่งเมื่อประสานกับกิจกรรมอภิปราย ไล่ ลุง ในสภาเสริมเข้ามาอีก

ดูไม่จืด-อิ หลี เด้อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image