เดินหน้าชน : ‘ยักษ์’ถอย : โดย สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

กรณี เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอ็ม ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากอเมริกา ประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์ เชฟโรเลต ในประเทศไทย ภายในสิ้นปี 2563

หลังจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ส ซื้อศูนย์การผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ของจีเอ็มในจังหวัดระยอง

สำหรับ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ส จำกัด ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถเอสยูวีและรถปิกอัพจากประเทศจีน

เรียกได้ว่างานนี้เป็นการขยับตัวครั้งสำคัญของยักษ์ใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว

Advertisement

ในฐานะยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างจีเอ็ม บริษัทรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลก ตัดสินใจ “ม้วนเสื่อ” ออกจากประเทศไทย

ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงการรุกคืบครั้งสำคัญของบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีน

ประเทศไทยในฐานะฐานผลิตรถยนต์ที่สำคัญ ส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลก เกิดการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในอุตสาหกรรมยานยนต์

Advertisement

นั่นหมายถึงทิศทางธุรกิจยานยนต์ไทย รวมถึงอาเซียน กำลังเริ่มขยับไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอีกขั้น

ณ เวลานี้ ค่ายรถยนต์จากจีนพยายามมุ่งตลาดเมืองไทยและอาเซียนอย่างเต็มที่ เพราะไม่เพียงกรณีของจีเอ็ม แต่ก่อนหน้านี้ยังมีกรณี เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี จับมือกับ เซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ ยักษ์ใหญ่ค่ายรถยนต์อันดับต้นๆ ของจีน เข้ามาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ เอ็มจี ในประเทศไทย

การเข้ามาของเอ็มจีส่งผลสะเทือนต่อวงการธุรกิจยานยนต์ทั้งจากค่ายยุโรป อเมริกา เกาหลี หรือแม้แต่ค่ายญี่ปุ่นอย่างรุนแรง

เมื่อยักษ์ใหญ่จับมือกันบุกตลาดรถยนต์เมืองไทย จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้คู่แข่งที่ไม่แข็งแกร่งจริงในเมืองไทยต้องยอมถอยออกไป

เอ็มจีรู้ดีว่า หากจะไล่ตามเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์แบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือใช้พลังงานน้ำมันแบบเดิม คงไม่มีทางทันค่ายญี่ปุ่นแน่นอน

จึงหันไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบอีวี หรือใช้ไฟฟ้า 100% โดยมีฐานการผลิตระดับมหึมาอยู่ที่ประเทศจีน จากนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในจีน สามารถส่งเข้ามาประกอบในไทยได้สบาย และจะทำให้นับจากนี้ประเทศไทยจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 100% วิ่งมากขึ้น เป็นไปตามทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก

การยอมเลิกเชฟโรเลตของจีเอ็ม และการเข้ามาของเกรท วอลล์ จึงเป็นสิ่งยืนยันว่าทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

เช่นเดียวกับนโยบายรัฐบาล ล่าสุดหันมาให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทอีวีมากขึ้น เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า โดยมอบหมายให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลแทน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างจริงจัง

หลังจากเมื่อกลางเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา รองนายกฯสมคิด ไปปาฐกถาบนเวทีสัมมนาจัดโดย “มติชน” เรียกร้องให้ค่ายรถยนต์หันมาลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า พัฒนาแบตเตอรี่ ไม่ใช่แค่จะขายแต่รถยนต์ไฮบริด

ที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นต่างประกาศว่าจะนำเสนอรถยนต์ไฮบริดในเมืองไทย โดยให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าน้อยมาก ไม่ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายส่งเสริมออกมาอย่างไรก็มีแต่เสียงตอบรับที่แผ่วเบาจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น

เมื่อสถานการณ์ของประเทศไทย ณ เวลานี้ ต้องการให้นักลงทุนควักกระเป๋าลงทุนกันมากๆ แถมมีปัญหาฝุ่นพิษจากรถยนต์เป็นปัญหาใหญ่ ทำให้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกระตุ้นการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังมากขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ขนาดไหน จะยังเกิดอาการเกรงใจค่ายรถยักษ์ใหญ่กันอยู่หรือไม่

แต่เชื่อว่ายักษ์ใหญ่จากจีนทยอยกันมาเมืองไทยแบบนี้ เป็นการส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าราคาลดลงกว่าที่เป็นอยู่ได้แน่นอน

สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image