| ผู้เขียน | สมหมาย ปาริจฉัตต์ |
|---|
ทางสองแพร่ง ขอเวลาอีกไม่นาน : โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
สถานการณ์ลุกลามรวดเร็วผิดปกติเสียแล้วละครับ ไปๆ มาๆ เหตุยุบพรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อาการรัฐบาลทรุดหนัก กลับกลายเป็นกรณีอื้อฉาวการกักตุนขายหน้ากากอนามัย ทำกำไรยามชาวบ้านเดือดร้อน เพจดังแฉเชื่อมโยงไปถึงคนใกล้ชิดรัฐมนตรี แชร์กระฉ่อนไปทั่วบ้านทั่วเมือง
พลพรรคประชาธิปัตย์ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเรียกร้องเลิกพายเรือให้โจรนั่ง พรรคพลังประชารัฐ คนกันเองจี้ให้ตั้งกรรมการสอบสวนที่เป็นกลาง และให้รัฐมนตรีพิจารณาตนเองลาออกไปซะ รัฐบาลจะได้ไปต่อ
สิ่งที่เพจดังแฉทั้งภาพและเสียง ความจริงที่แท้เป็นอย่างไร ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ กระทรวงดิจิทัลเงียบกริบ ที่แน่ๆ เป็นหลักฐานยืนยันความด้อยประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน จนหมอและบุคลากรทางการแพทย์ทนไม่ไหว ก่อปฏิกิริยากดดันรัฐบาลแต่ถูกอำนาจเหนือกว่าเบรกเลิกล้มไปเสียก่อน
ผู้ถูกกล่าวหาถึงจะพูดแก้ตัวอย่างไร สำคัญที่ว่าผู้คนในสังคมเชื่อหรือไม่ ในเมื่อภาพที่ปรากฏในคลิปตรงกันข้ามกับที่ให้ปากคำตำรวจ
ความเคลือบแคลงสงสัยแพร่กระจายไปทั่ว โยงใยไปถึงคนในรัฐบาล ความอื้อฉาวซ้ำซากต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน นายกรัฐมนตรีขอเวลาอีกไม่นาน ปล่อยให้กระบวนการจัดการปัญหาเป็นไปตามกลไกราชการปกติ ยังไม่ตัดสินใจใช้มาตรการทางบริหารและทางการเมืองแก้ไขเหตุการณ์โดยเร่งด่วน สถานการณ์ยิ่งร้อนแรงล่อแหลม อาจทำให้การปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นเอาไม่อยู่
เพราะเกิดกระแสรุมเร้า เรื่องแล้วเรื่องเล่า ทำให้อุณหภูมิความไม่พอใจรัฐบาลที่เดือดอยู่ก่อนแล้วจากการรวมตัวชุมนุมประท้วงของนักเรียน นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศ ร้อนแรงต่อไปอีก
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังพัฒนาไปล้วนยืนยันความจริงทางการเมืองว่า ความเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งล้วนเกิดจากสาเหตุภายใน เน่าใน เสียส่วนใหญ่
แนวโน้มรอยร้าวที่จะเกิดขึ้นหากการปรับคณะรัฐมนตรีไม่สามารถยุติปัญหาความขัดแย้งภายในได้ การกระโจนออกจากเรือก่อนจมน้ำตาย อาจนำไปสู่การเฉไฉยุบสภา คอการเมืองอย่าประมาทเป็นอันขาด
สอดคล้องกับเสียงสะท้อนที่ดังขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ตำหนิการขายตัว ซื้อตัวของ ส.ส.เป็นพฤติกรรมดาราลิเกหลงยุค ทำให้เกิดความอัปยศทำลายภาพลักษณ์ของสภา รัฐบาลกำลังเดินใกล้ตกหน้าผา
ความรุนแรงเกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลคุมคนของตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้มีการสร้างความเกลียดชัง ปรับ ครม.ก็เหมือนกินยาพารา แก้ปัญหาไม่ได้
ทางออกด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำให้ชัดเจนภายใน 2 เดือน เปิดให้ทุกฝ่ายมาร่วมกัน จะแก้ไขปัญหาการต่อต้านรัฐบาลได้
หากรัฐบาลเลือกทางออกนี้ ขณะที่คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) นัดผู้สนับสนุนเดินเท้าไปยื่นข้อเรียกร้องที่รัฐสภาเกียกกาย วันศุกร์ที่ 13 มีนาคมนี้แล้ว
คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำลังแสดงบทขึงขัง เปิดรับฟังความคิดเห็นกันอยู่ขณะนี้จะทำให้เกิดความชัดเจนภายในเวลา 2 เดือนนี้ได้หรือไม่ หากศูนย์กลางอำนาจไม่ส่งสัญญาณว่าจะรับเป็นเจ้าภาพ
อีกด้านหนึ่ง คณะทำงานฝ่ายค้านเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน นัดเปิดเวทีซักฟอกนอกสภาครั้งแรกวันที่ 12 มีนาคมนี้ เวลา 10.00-12.30 น. ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ กทม. หัวข้อ แฉกระบวนการ IO ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง
เหตุการณ์ต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาเรื่อยๆ ทางออกด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทันเวลา สามารถคลี่คลายสถานการณ์ความไม่พอใจรัฐบาล รัฐสภา ลดความอึดอัดขัดข้องในเรื่องต่างๆ ทุกด้านได้หรือไม่
ถ้าวุฒิสมาชิกไม่เอาด้วย ไม่ยอมลดทอนอำนาจการโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมให้ยกเลิกวุฒิสมาชิกโดยตำแหน่ง ผู้แทนเหล่าทัพ 6 คน ความขัดแย้งไม่สามารถยุติลงได้ง่ายๆ
ยิ่งรัฐบาลปล่อยให้เป็นเรื่องสภาฝ่ายเดียวทำไป ไม่ทำตัวเป็นเจ้าภาพ การเมืองเดือดไม่หยุด เศรษฐกิจทรุดกำลังจะตาย ไวรัสโควิด-19 ยังระบาดต่อ ท่องเที่ยวเจ๊งไปแล้ว โรงงานปิด คนตกงาน ภัยแล้งกำลังคืบคลานมา เป็นไปตามที่นักวิชาการด้านเศรษฐกิจคนดัง
ยืนยัน ต้นปีเผาจริง ปลายปีเก็บกระดูก
ครับ เกาะติดสถานการณ์แล้ว ไม่คิดว่าประเทศไทยจะเดินทางมาถึงทางสองแพร่งรวดเร็วขนาดนี้
ระหว่าง ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกับความวิบัติ อะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน ตามสำนวนจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย
ขนาดเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อพวกเรา กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อม 250 มือวางรองรับไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานสภาวการณ์ขาลงทุกด้านไปได้ จะจบลงอย่างไร เมื่อไหร่ ต้องติดตามอย่ากะพริบตา
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
