เรืองชัย ทรัพย์นิรันดน์ : โปรดใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

ยังอยู่ระหว่างตัดสินใจ (ของใครก็ไม่รู้) ว่าจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ ด้วยระหว่างนี้รัฐบาลยังละล้าละลังอยู่กับการแก้ปัญหา “โควิด-19” ที่ระบาดในขั้นที่ 3 หรือไม่แหล่มิแหล่

วันนี้ ทุกองค์กรทั้งเอกชน ทั้งรัฐวิสาหกิจ ทั้งราชการ ต่างควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่ บริษัทขนาดที่มีพนักงานเกินกว่า 20-30 คน ต้องประชุมออกประกาศเรื่องการดูแลตัวเอง และป้องกันตัวเองจากการระบาดของไวรัส “โควิด-19” ด้วยการระมัดระวังอย่างรอบคอบ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานเข้าทำงานในอาคารตลอดเวลา

ที่สำคัญ หากมีการติดต่อกับบุคคลภายนอก ให้จัดที่ทางรองรับไว้ ไม่จำเป็นจริงๆ ให้อยู่ในพื้นที่ซึ่งจัดไว้นั้น ไม่ให้ไปพบกันในห้องทำงานเด็ดขาด แม้แต่มาพบผู้บริหาร ต้องแจ้งให้ผู้บริหารอนุญาตก่อน

สำหรับพนักงานขับรถ หรือโชเฟอร์ทุกคนให้สวม “แมสก์” ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ และหากเป็นไปได้ ขอให้ผู้โดยสารที่เป็นพนักงานต้องสวมหน้ากากเช่นกัน

Advertisement

จะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ เป็นเรื่องของโรคระบาด ต้องว่าเป็นเรื่องทางการเมืองเช่นกัน เป็นเรื่องการเมืองที่ทุกคนต้องเกี่ยวข้อง อย่าละเมิดเด็ดขาด เช่น การขอให้เปิดประชุมวิสามัญ ไม่ว่าจะอ้างเรื่องเพื่อพูดถึงเรื่อง “โควิด-19” หรือเรื่องอื่นใด

ยิ่งจะพูดจะอภิปรายถึงเรื่อง “โควิด-19” ยิ่งไม่ใช่เรื่อง ด้วยเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา เพราะรัฐบาลต้องสั่งการไปยังกระทรวงสาธารณสุข สั่งการไปยังผู้เกี่ยวข้องอื่น เช่นกระทรวงมหาดไทย ให้เฝ้าระวังการระบาดของไวรัสในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเอาใจใส่ หากมีการเกิดขึ้นของไวรัสต้องแจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบทันที เพื่อนายกรัฐมนตรีจะได้สั่งการแก้ไขได้ทันท่วงที

แม้แต่สั่งการไปยังกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ในการสั่งปิดเรียนหรือควบคุมให้สถาบันการศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาถึงอุดมศึกษาป้องกันอย่าให้เกิดการระบาดของไวรัสขึ้น และต้องแนะนำให้นักเรียนนักศึกษา ผู้ปกครองรู้จักการป้องกันตัวเองด้วย

Advertisement

อีกประการหนึ่ง การเปิดประชุมวิสามัญในกรณีนี้ จะยิ่งสร้างความยุ่งยากให้กับข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งของกระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาเองที่ต้องจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสไปสู่สมาชิกรัฐสภา ผู้ติดตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐสภา และผู้ที่ต้องไปติดต่อกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ช่างภาพ ผู้สื่อข่าว ฯลฯ

ทั้งการอภิปรายในเนื้อหาสาระของการระบาดที่เป็นโรคติดต่อขณะนี้ ยิ่งไม่ใช่หน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่แม้จะมีสมาชิกที่เป็นแพทย์เป็นสาธารณสุข หรือมีความรู้ทางการแพร่ระบาดของไวรัสก็ตาม

เรื่องบางเรื่องต้องให้ความไว้วางใจกับรัฐบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น กรณีของสาธารณสุขซึ่งร่ำเรียนและมีความรู้เรื่องนี้โดยตรง ทั้งยังใฝ่หาความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ได้ดีกว่าบุคคลทั่วไป

ในภาวะและสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ แม้ฝ่ายการเมืองจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่คงไม่ใช่เรื่องการเมืองที่สมาชิกรัฐสภาจะต้องเข้าไปดำเนินการ อาจจะให้คำแนะนำ หรือดูแลในส่วนที่เป็นกรรมาธิการอยู่ เช่น กรรมาธิการสาธารณสุขย่อมกระทำได้ แต่ต้องเป็นไปในส่วนเพื่อช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่ไปสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นเสียเอง

วิธีที่สมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะช่วย “ประเทศ” ไม่ใช่ช่วยรัฐบาลได้ขณะนี้ คือการไปให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนให้มีความรู้เรื่องโรคระบาดและการป้องกันไม่ให้โรคระบาดลุกลามเข้าไปในพื้นที่ของตน

ส่วนเวลาที่เหลือจากนั้น ต้องให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนมีความรู้เรื่องการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง การเปิดประชุมสมัยวิสามัญ การประชุมสภาตามปกติ การยื่นญัตติของประชาชน และการอื่นๆ แม้จะมีการหาเสียงเพื่อตนเองบ้างยังไม่เป็นปัญหา

แต่อย่าให้ร้ายฝ่ายตรงข้าม หรือให้เกิดความยุ่งยาก หรือให้รัฐบาลละล้าละลังมากกว่านี้เป็นพอ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image