แนวคิด แนวทาง เมื่อเผชิญ ไวรัส โควิด สังคมจีน กับไทย

ไม่เพียงแต่ไลฟ์ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เท่านั้นที่ได้รับการติดตามอย่างคึกคัก หากคลิปอันมาจาก นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็อยู่ในความสนใจ

โดยเฉพาะในประเด็น “ไวรัส”

ล่าสุด ได้มีการประมวลความเห็นและข้อสังเกตของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โรคระบาดที่มหานครอู่ฮั่น เมื่อเดือนมกราคม กระทั่งมาถึงเดือนมีนาคม

เป็นการ “ฉายแสง” อย่างมองเห็น “ภาพ”

Advertisement

เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า ท่าทีของรัฐบาล ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่าทีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นอย่างไร

ก้าวตาม “ความเป็นจริง” 1 ก้าวเสมอ

ที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือ ขาดการเรียนรู้จากจีน ขาดการถอด “บทเรียน” และความจัดเจนว่าเหตุใดจีนจึงสามารถฝ่ามรสุมไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisement

นั่นก็คือ ประเด็น “บริหารจัดการ”

สังคมโลกมองเห็นแต่ความเฉียบขาดอันแสดงผ่านแต่ละกระบวนท่า สี จิ้นผิง และมองไม่เห็นรากฐานอันเป็นทุนทางสังคมที่สำคัญของจีน

สรุปง่ายๆ แต่ว่า จีนเป็น “เผด็จการ”

เมื่อเป็นเผด็จการจึงสามารถเผด็จอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนรมิต “โรงพยาบาลสนาม” จำนวน 1,000 เตียง ได้ภายในพริบตา

มองข้ามลักษณะพิเศษของ “จีน”

มองข้ามลักษณะพิเศษของรากฐานแห่งความเป็น “คอมมิวนิสต์” ของจีนที่สะสมบารมีตั้งแต่ทำสงครามกับ “ก๊กมินตั๋ง”

เป็นคอมมิวนิสต์แบบจีนซึ่งมีรากฐานแห่งการต่อสู้ร่วมกับประชาชน

คำว่า “สงครามปลดแอก” ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำมาเป็นอาวุธ นำมาเป็นเครื่องมือในการระดมมวลชนมิได้เป็นเรื่องเลื่อนลอย และว่างเปล่า

หากดำเนินไปแบบเลือดกับเนื้อ ปลากับน้ำ

ถามว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันมีฐานมาจาก “รัฐประหาร” อันดำรงอยู่ภายในโครงสร้าง “รัฐราชการรวมศูนย์” จะสามารถเปล่งอานุภาพได้หรือไม่

คำตอบก็เห็นๆ กันแล้ว มิใช่หรือ

คำประกาศที่ว่าให้อำนาจ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ในการปิดชายแดน ให้อำนาจ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ในการปิดเมือง

มาจาก “อำนาจ” อะไรที่อยู่ในมือ

แม้กระทั่งมาตรการซึ่งดูเหมือนจะ “เข้ม” กว่าปกติ อย่างที่บุรีรัมย์ดำเนินการ อย่างที่อุทัยธานีดำเนินการ ก็ถูกมองอย่างขวางๆ

และในความเป็นจริงมาตรการ “ปิดประเทศ” แทบไม่จำเป็น

พลันที่มาเลเซียประกาศปิดประเทศ พลันที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประกาศปิดประเทศ อีกไม่นานเกินรอไทยก็ถูก “ปิดล้อม” ไปโดยอัตโนมัติ

ไทยจึงดำรงอยู่ในลักษณะ “ตั้งรับ” และ “ถูกกระทำ”

ประเทศไทยกับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถนำมาเปรียบเทียบได้อย่างไม่ขัดเขิน

แค่คำว่า “คอมมิวนิสต์” ก็ห่างเหินกันอย่างยิ่ง

เพราะรากฐานของคอมมิวนิสต์อยู่ที่การยึดกุมหลักแห่ง ลัทธิมาร์กซ์ ลัทธิเลนิน และความคิด เหมาเจ๋อตง และความคิด เติ้งเสี่ยวผิง

นี่คือความเป็นจริงของจีน

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image