คุณจำนูญเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของธนาคารล่าสุดใช้บัตรรูดซื้อสินค้าไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2541 จากนั้นธนาคารส่งใบแจ้งหนี้มาขอให้ชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2541
แต่คุณจำนูญไม่ได้ชำระให้เสร็จสิ้น หากชำระคราวละเล็กและคราวละน้อย ทยอยชำระ จนคราวสุดท้ายชำระไป (หรือไปชำระมา) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541 และยังเหลือหนี้อีกบานเบอะเยอะแยะ
เวลาผ่านมาธนาคารก็เพียรบวกดอกเบี้ย บวกเบี้ยปรับ แล้วมีหนังสือไปถามทวงล้วงควัก แจ้งกำหนดการใหม่ ว่าให้มาชำระเสียภายในวันนั้นวันนี้-แต่เหลว!
ล่าสุด ส่งหนังสือมาระบุว่า ให้คุณจำนูญไปชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2542
แต่คุณจำนูญก็ไม่สนใจ ไม่ไปชำระแต่อย่างใด
วันที่ 24 ตุลาคม 2543 ธนาคารทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงไปฟ้องคดี ขอให้ศาลบังคับให้คุณจำนูญชำระหนี้ทั้งหมดทั้งสิ้นมา
ศาลชั้นต้นพิพากษา ว่าคดีขาดอายุความ 2 ปีแล้ว จึงยกฟ้อง!
ธนาคารเอ๊ะ-อ๊ะ?!เบาๆแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ประเด็นขาดอายุความแล้วหรือไม่ โดยตรงต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คุณจำนูญนำบัตรไปใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2541 และธนาคารส่งใบแจ้งยอดบัญชีกำหนดให้ชำระเงินคืนภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2541 เมื่อคุณจำนูญไม่ชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด ธนาคารย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องให้ชำระได้เมื่อครบกำหนดตามใบแจ้งยอดบัญชี และเริ่มนับอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องนับแต่นั้นมา
ต่อมาคุณจำนูญชำระหนี้บางส่วนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2541 อันเป็นการรับสภาพหนี้ต่อธนาคาร ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความใหม่ตามมาตรา 193/14 (1) และมาตรา 193/15
ธนาคารฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2543 จึงพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่ 30 กันยายน 2541 ซึ่งเป็นวันเริ่มนับอายุความใหม่แล้ว
ฟ้องของธนาคารจึงขาดอายุความ
ที่ธนาคารอุทธรณ์ว่า ได้แจ้งให้คุณจำนูญชำระหนี้ครั้งสุดท้ายโดยกำหนดให้ชำระหนี้ภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2542 แต่คุณจำนูญไม่ชำระหนี้ภายในกำหนด อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2542 นั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อธนาคารอาจบังคับสิทธิเรียกร้องให้คุณจำนูญชำระหนี้ได้เมื่อครบกำหนดตามใบแจ้งยอดบัญชีแล้ว หลังจากนั้นคุณจำนูญไม่เคยใช้บัตรอีก และธนาคารก็มิได้ออกเงินทดรองให้แก่สถานประกอบกิจการค้าต่างๆ แทนคุณจำนูญอีกเลย
ใบแจ้งยอดบัญชีที่ธนาคารส่งให้คุณจำนูญแต่ละเดือนต่อมา ล้วนเป็นการคิดบวกดอกเบี้ยผิดนัดและเบี้ยปรับที่ชำระล่าช้าเข้ากับต้นเงินที่ค้างชำระเท่านั้น
การที่ธนาคารไม่ใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่คุณจำนูญเมื่ออาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ จึงเป็นกรณีที่ธนาคารผ่อนผัน ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่คุณจำนูญเอง มิใช่ไม่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้
อายุความคดีนี้ จึงหาได้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ธนาคารเรียกร้องให้คุณจำนูญชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดโดยไม่ผ่อนผันให้แก่จำเลยอีกต่อไปดังที่ธนาคารอุทธรณ์ไม่ อุทธรณ์ธนาคารฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
คือ ยกฟ้อง เพราะคดีขาดอายุความ!
(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7563/2547)
…………………………………..
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 193/9 สิทธิเรียกร้องใดๆ ถ้ามิได้ใช้บังคับภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด สิทธิเรียกร้องนั้นเป็นอันขาดอายุความ
มาตรา 193/12 อายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป ถ้าเป็นสิทธิเรียกร้องให้งดเว้น กระทำการอย่างใดให้เริ่มนับแต่เวลาแรกที่ฝ่าฝืนกระทำการนั้น
โอภาส เพ็งเจริญ [email protected]