ที่มา | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|---|
ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
เผยแพร่ |
หัวหน้า คสช.ประกาศใช้ ม.44 เป็นว่าเล่น
รูปลักษณะปัญหาที่นำมาใช้แก้ ก็หลากหลายมากขึ้น
จากคำสั่งแรก 25 ธันวาคม 2557 เรื่อง เปลี่ยนแปลงวิธีการได้มา ซึ่งสภาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว
รัฐนำ ม.44 มาบังคับใช้แทน การยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร เมื่อ 1 เมษายน 2558
ดีกรีความแรง ล้อตัวยกเลิกไป ไม่ยิ่งหย่อน
นอกจากคำสั่งพิเศษ เกี่ยวกับความมั่นคงฉบับแรกๆ
หัวหน้า คสช.มีคำสั่งใหม่ไม่เว้นสัปดาห์ ฉบับล่าสุดคือ คำสั่งเกี่ยวกับการให้อำนาจ กสทช. กสท. ถอดปลั๊กทีวี วิทยุ ห้ามเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารตามที่กฎหมายปกติเขียนไว้ โดยผู้ออกคำสั่ง
ไม่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย
ม.44 เป็นกฎหมายครอบจักรวาลและเป็นที่สุด
มีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใดๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ
ความที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือจัดการปัญหาได้ทุกเรื่องนี่เอง
ยิ่งนานวันเข้าก็ดูเหมือนมีการขยายขอบเขตการใช้ออกไปเรื่อยๆ มากกว่าใช้อย่างจำกัด เฉพาะจำเป็นจริงๆ เท่านั้น ที่กฎหมายปกติแก้ไม่ได้ หรือแก้ได้แต่ล่าช้า อาจเกิดความเสียหายตามมาหากไม่รีบดำเนินการ
ทั้งนี้แม้อำนาจออกคำสั่งเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.
แต่ขณะนี้มีผู้ขอแจมใช้มากขึ้น มากหน้าหลายตา อันน่าจะเป็นเหตุหนึ่งที่มีคำสั่งทยอยออกมารายวัน
จากเดิมมีเฉพาะเรื่องที่หัวหน้า คสช. มองเป็นปัญหาใหญ่ ร้ายแรง ไม่แก้ด้วยกฎหมายพิเศษไม่จบ
ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า รัฐมนตรีขอใช้จิปาถะ แม้แต่แต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการ ปลัดกระทรวง-หัวหน้าหน่วยราชการ ก็เรียกร้อง รุกขอให้นำมาใช้บ้าง
ประกาศออกมาแล้วก็หลายเรื่อง และน่าเชื่อว่าอยู่ระหว่างรอพิจารณา อยู่ในมือฝ่ายประจำอีกไม่น้อย
ด้วยเหตุมีคนเรียกร้อง รบเร้าออกประกาศ การใช้ ม.44 จึงมีมากขึ้น ซึ่งนับว่าอันตราย หาก
ไม่ทบทวน จำกัดการใช้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
กฎหมายพิเศษมาตรานี้ ทำลายหลักนิติรัฐ
จำกัดสิทธิ เสรีภาพ ประชาชนรุนแรงอย่างที่รับรู้กันอยู่
อะไรก็ตามแต่ ที่ทำที่สั่งการแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบต่ออะไรเลย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่ได้
อย่าว่าแต่เรื่องการปกครอง การใช้อำนาจที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวางเลย ไม่สมควรเกิดขึ้นเป็นอันขาด
แต่ก็พอเข้าใจได้ บางเรื่องจำเป็น
ทว่าหลายเรื่อง อาจไม่หนักหนาถึงขั้นต้องงัดกฎหมายพิเศษจัดการแต่อย่างใด
เสนาบดีกระทรวงต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการ ระดับบริหาร ในฝ่ายประจำ ต้องพิจารณาให้ดี ก่อนที่จะเสนอใช้
จริงอยู่มันง่าย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
แตกต่างจากการใช้กฎหมายปกติ ที่มีขั้นตอน กระบวนการต่างๆ แต่กฎหมายปกติได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นหลักประกัน สิทธิ เสรีภาพ ไม่ว่าเป็นฝ่ายใช้กฎหมาย และฝ่ายที่อยู่ภายใต้คำสั่งก็ตาม หากเห็นว่าคำสั่งมิชอบ ก็มีช่องทางต่อสู้ สงวนสิทธิเรียกร้องความเป็นธรรม
แต่ในความง่ายนั้น มันส่งผลเสียหาย ทำลายระบบ และสะท้อนฝีมือการบริหารจัดการแก้ปัญหาเช่นกัน สะท้อนถึงความไม่พร้อมที่จะทำงานแก้ปัญหา ไม่พร้อมรับผิดชอบ และไม่อยากรับผิดชอบเรื่องอันใดเลย ซึ่งขัดต่อหลักการเป็นผู้นำบริหาร
การประกาศใช้ ม.44 ที่นับวันจะขยายออกไปเป็นเรื่องน่าวิตกกังวล
รัฐต้องถอยกลับมายืน ในจุดเดิมที่เคยประกาศไว้แต่แรก ใช้เฉพาะจำเป็นและสร้างสรรค์
ทางหนึ่งที่ทำได้-ลดได้ทันที
คือรัฐมนตรีเสนาบดีกระทรวงต่างๆ-ฝ่ายข้าราชการประจำ ต้องรับผิดชอบงาน รับผิดชอบการกระทำตามกฎหมายปกติ
ยก ม.44 ให้หัวหน้า คสช.เก็บดาบไว้ใช้ เฉพาะเรื่องใหญ่ๆ ยามจำเป็นจริงๆ
ยิ่งใช้น้อยเท่าใด ก็ยิ่งกระทบสิทธิ เสรีภาพ น้อยเท่านั้น
ยิ่งใช้น้อยเท่าใด ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อประชาชน และภาพลักษณ์รัฐบาล