| ที่มา | คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | การ์ตอง |
หลัง สตง.ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตามผลสอบการจัดซื้อจัดจ้างสร้างอุโมงค์ไฟด้วยงบประมาณ 39 ล้านในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ว่าน่าจะมีความไม่ชอบมาพากล โดยที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในบัญชีผู้ถูกสอบด้วย
หลายคนประเมินว่า ยุคสมัย คสช.เข้าบริหารประเทศ และหนึ่งในนโยบายชูโรงคือปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และก่อนหน้านั้นเหมือนได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องโกงเรื่องกินนี้ คสช.เอาจริง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) จัดการมาเสียนักต่อนักแล้ว ทั้งข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่น จนเป็นที่เล่าลือกันว่าไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน หากมีข่าวพัวพันการทุจริตไม่มีทางรอดจากความเด็ดขาดของท่านผู้นำ
หลายคนแทบไม่รู้ตัวเอง เพราะแค่ถูกร้องเรียนก็โดนเด้งไปก่อนเรียบร้อย จริงไม่จริงมาว่ากันทีหลังผลสอบ
ดังนั้นความเชื่อว่า “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ที่มีผลสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมาเปิดแผลให้เห็นชัดเจน คงไม่ใช่แค่ไม่รอด แค่คงจะมีการใช้อำนาจโดยเร็ว
ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น
แม้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะสั่งให้ส่งเรื่องให้ กทม.ตรวจสอบตามระเบียบการจัดการเรื่องทุจริต แต่ได้ยังยืนอยู่ในจุดว่าจะต้องให้การตรวจสอบเสร็จสิ้นก่อนถึงจะมาพิจารณาเรื่องจะให้ผู้ว่าฯกทม.พ้นจากตำแหน่งไว้ก่อนหรือไม่
เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่ยืนยันว่าจะไม่ใช้มาตรา 44 ในเรื่องนี้
เป็นอันว่า “สุขุมพันธ์” ยังอยู่ยั้งยืนยงไปอีกระยะ ไม่ใช่ใครจะทำอะไรง่ายๆ
ว่าไปความคงกระพันในตำแหน่งของ “สุขุมพันธุ์” ไม่ใช่เพิ่งเกิด เมื่อครั้งที่สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.สมัยที่ 2 และถูกโจมตีอย่างหนักในเรื่องผลงานและวัตรปฏิบัติประจำวัน กระทั่งมีการประเมินกันว่าไม่น่าจะรอด คงต้องเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯกทม.แล้ว
ทว่าผลการเลือกตั้ง คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่กลับเลือกผู้ว่าฯคนเดิมกลับมา ด้วยเหตุผลที่ชวนให้คนทั้งประเทศงุนงงกันระนาว
เป็น “ความเหนียว” ของ “สุขุมพันธุ์” ที่แทบจะเรียกได้ว่าเกินกว่าความเข้าใจได้
และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ล่าสุด มีการเปิดเผยผลสำรวจของ “โครงการพีเพิลโพล ไทยแลนด์” ซึ่งบอกกล่าวกันว่าเป็นความร่วมมือของ 5 หน่วยงานคือ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล, วิทยาลัยนวรรตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และทีมงานกลุ่มอิสระ สำรวจเรื่อง “เห็นด้วยกับการปลด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือไม่” ผลออกมาว่า มีผู้เห็นด้วย ร้อยละ 78.7 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 14.7 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 4.3 และไม่แสดงความคิดเห็นร้อยละ 2.3 คน
ไม่ใช่แค่ประชาชนไม่เอา
ถ้าติดตามข่าวคงรับรู้ว่า “พรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งเป็นพรรคต้นสังกัดได้แสดงท่าที “ไม่เอาแล้ว” อย่างเป็นทางการ
ไม่ต้องพูดถึงพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่น
คล้ายกับว่า แทบไม่เหลือใครที่จะยืนอยู่ข้างแล้ว
ทว่า “สุขุมพันธุ์ บริพัตร” เหมือนไม่รู้สึกว่าจะต้องสะดุ้งสะเทือนอะไร เพราะยังอยู่ได้เฉยๆ
