จะเสียหายใหญ่หลวง : เหยี่ยวถลาลม

จะเสียหายใหญ่หลวง : เหยี่ยวถลาลม

ภายหลังจากโควิด-19 ข่มขวัญจนทำให้ต้อง “ล็อกดาวน์” แทบทุกกิจกรรม หยุดอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อให้รอดจากโรคระบาด ถึงวันนี้สถานการณ์ในประเทศเข้าสู่สภาวะขัดแย้งระหว่าง “รักจะปิด” กับ “รักจะเปิด”

“ปิดตัว” อยู่กับความขลาดกลัวต่อไปกับ “เปิดตัว” สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติและโรคภัยอีกหลากหลายชนิดอย่างชาญฉลาด

ฝ่ายหนึ่ง ที่สถาปนาอำนาจพิเศษขึ้นมาบอกว่า ความสำเร็จที่น่าพอใจในวันนี้มาจาก “การปิด” ควรจะต้อง “ปิดต่อไป” เพราะเจ้าไวรัสโควิดยังซุกตัวซุ่มซ่อนรอเวลากลับมาใน “ระลอก 2”

ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งนั้นไม่มีอำนาจ ไม่มีปากเสียง ไม่มีโอกาสจะได้อธิบายความ มีแต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง แต่พอนานวันเข้า ชักไม่ไหวจึงต้องถาม “เมื่อไหร่จะเปิด”

Advertisement

กล่าวตาม “ข้อเท็จจริง” สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยเบาบางลงมากจนตัวเลขผู้ป่วยยืนยันวันที่ 4 พ.ค.เป็น “ศูนย์” และวันที่ 5 พ.ค.ก็แค่ 1

ไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 2,988 คน รักษาหายป่วยแล้ว 2,747 คน เสียชีวิต 54 คน

ลองเอาผลการสอบสวนโรคผู้ติดเชื้อสะสมทั้ง 2,988 คน มาแยกแยะ และวิเคราะห์ให้ชัดๆ ว่าเป็นชาย เป็นหญิงกี่คน มีกี่ช่วงอายุ มีชื่อเสียงเรียงนามอย่างไร เป็นใคร มาจากไหน ทำมาหากินอะไร ดำเนินชีวิตแบบไหน ติดเชื้อจากพื้นที่ใดและจากบุคคลกลุ่มใดก็จะเห็น “ประเด็นปัญหา” อยู่ที่ไหน? ใคร? พื้นที่ใด? อาชีพ? รูปแบบการดำเนินชีวิต?

Advertisement

อย่าลืมว่า โควิด-19 นี้ไม่ใช่โรคประจำถิ่น แต่มาจากต่างแดน ส่วนมากนั่งเครื่องบินมา การกำหนดแนวทางรับมือจึงต้องมาจากการใช้ความรู้ ความเข้าใจ

อย่าทึกทัก นึกเดา เหมารวม !

รัฐบาลและ ศบค.จะให้คำแนะนำหรือจะออกมาตรการควบคุมเข้มข้นก็ต้องมาจากข้อมูลจริงๆ ไม่ใช่ “ความรู้สึก”

แม้แต่พ่อหมอแม่หมอก็ยอมรับว่าเจ้าโควิด-19 นี้เป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่เคยประสบมาก่อนจึง

ไม่ง่ายนักที่จะรับมือ

ทางสายกลางระหว่าง “ปิดล็อก” กับ “คลายล็อก” คือความไม่ตึง-ไม่หย่อน

จะว่าไปแล้ว “มาตรการเพื่อสุขอนามัยที่ดี” นั้นทุกคนก็รับได้

เพียงแต่ “รัฐบาล” และ “ศบค.” จะต้องพิเคราะห์ปัญหาและกำหนดแนว

ทางด้วยวิธีที่เป็น “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่ “อุปาทาน” !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image