ที่มา | คอลัมน์ สยามประเทศไทย. มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
อยุธยา มรดกโลก เมื่อมีงานประจำปีและวันหยุดยาว มีนักท่องเที่ยวชุมนุมแน่นนับคับคั่งบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ กับวัดมหาธาตุ และวัดสำคัญๆ
นักท่องเที่ยวนานาชาติเดินย่ำและปีนป่ายซากสถูปเจดีย์วิหารโบราณสถานที่ทางการเปิดให้เข้าชมอย่างสะดวกสบายไร้ขีดจำกัด ทำให้นึกถึงข้อความในบทนำมติชนเรื่องขี่คอทัวร์ จะคัดมาบางตอนดังนี้
ภาพของนักท่องเที่ยวทั้งไทย จีน ยุโรป ล้นทะลักหาดทรายอ่าวมาหยา จ.กระบี่ ขณะที่รอบๆ อ่าวเต็มไปด้วยเรือ ทั้งเรือหางยาวและเรือสปีดโบ๊ต ทั้งที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะพีพี กล่าวด้วยว่าเฉพาะอ่าวมาหยามีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในช่วงเวลาเดียวกันราว 5,000 คน เก็บเงินได้ 1.6 ล้านบาท ภายในวันเดียว ถือว่ามากที่สุด แม้แต่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ยังไม่มากขนาดนี้
นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย แสดงความห่วงใยว่าหน่วยงานที่ทำหน้าที่โปรโมตทำดีมาก แต่ควรจะมาดูผลงานด้วยว่าการหลับหูหลับตาโปรโมตแล้วไม่คำนึงถึงผลที่ตามมามันจะเป็นอย่างไร ไม่ได้มีการจัดการ-จัดระบบ เพราะภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้คือมันเกินจากคำว่าคนล้นเกาะและรองรับได้แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวขนาดนี้ทำให้เก็บเงินได้เป็นล้าน เงินเยอะก็จริง แต่ผลที่ออกมาคิดว่าไม่น่าจะคุ้ม กับสภาพของเกาะหลังจากนักท่องเที่ยวไปหมดแล้ว (มติชน ฉบับวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2559 หน้า 2)
อยุธยา แม้ยังไม่ถึงขนาดหาดทรายอ่าวมาหยา จ.กระบี่ แต่วันหนึ่งข้างหน้า “ก็สายเสียแล้ว”
เพราะวัดสำคัญเหล่านั้นก่อด้วยอิฐ ซึ่งเปราะและแตกหักง่าย ไม่มีใครเดินเหยียบก็แตกหักเองเพราะตากแดดฝนนานนับร้อยๆ ปีแล้ว
นอกจากนั้น โบราณสถานในไทยไม่มีนักวิชาการเป็นหูเป็นตาคอยว่ากล่าวตักเตือนอันตราย (เหมือนที่มีต่อหาดทราย ปะการัง และทะเลสมุทร)
มีแต่พวกคอยประจบหาผลประโยชน์เข้าตนเองและคณะ จน คสช. ต้องใช้ ม.44