หากไม่มีโควิด-19 อาละวาดไปทั่วโลก ณ วันนี้ คนที่ชื่อ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ คงจะพ้นเก้าอี้เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไปตั้งแต่ 18 พฤษภาคมแล้ว
แต่เมื่อ 24 เมษายน พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ประธานกรรมการ กสทช. มีคำสั่งให้ ฐากร อยู่ในตำแหน่งต่อไปจนถึง 30 มิถุนายน เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ โดยระบุเหตุผลว่าด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ต้องเร่งป้องกัน และบรรเทาผลกระทบ หากเปลี่ยนแปลงหัวหน้าหน่วยงานขณะนี้อาจขาดความต่อเนื่อง
ฐากร จึงยังทำงานในตำแหน่งเลขาฯ กสทช.อีก 1 เดือน ในภาวะวิกฤตโควิด-19
โดยเร่งหาทางเยียวยาประชาชน อาทิ ให้โทรฟรี 100 นาที 45 วัน และเน็ต 10 GB ฟรี 30 วัน ในภาวะที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องอยู่บ้าน เพื่อลดภาระการโทรพูดคุยกับญาติ รวมทั้งสนับสนุนการทำงานที่บ้าน
นอกจากนี้ ยังผลักดันให้บอร์ด กสทช. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเกลี่ยจากงบประมาณปี 2563 ของสำนักงาน กสทช. รวมกับเงินกอง กทปส. สนับสนุนโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อต่อสู้กับโควิด-19
นั่นเป็นงานเฉพาะหน้าก่อนที่ ฐากร จะพ้นตำแหน่ง
แต่หากย้อนไปตั้งแต่ ฐากร มานั่งเลขาฯ กสทช.คนแรก ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน จะเห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์และก่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากมาย
อย่างเรื่อง 3G เป็นการประมูลคลื่นครั้งแรกที่เปลี่ยนจากระบบสัมปทาน มีปัญหาคาราคาซัง ฟ้องกันอีนุงตุงนัง แต่ ฐากร เป็นหัวหอกเข้าไปเคลียร์จนประมูลได้สำเร็จ เมื่อปลายปี 2555 ได้เงินเข้ารัฐเป็นกอบเป็นกำกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท
ต่อเนื่องมา 4G เมื่อปลายปี 2558 ก็สร้างประวัติศาสตร์การประมูลอีกครั้ง ที่แต่ละค่ายแข่งเสนอราคากันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ข้ามวันข้ามคืน บางคลื่นใช้เวลาสู้กันนานถึง 4 วัน 5 คืน รวมเงินประมูลสูงกว่า 2.32 แสนล้านบาท
ล่าสุด 5G ที่เพิ่งประมูลไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เงินเข้ารัฐกว่า 1 แสนล้านบาท
นั่นเป็นแค่หนังตัวอย่างผลงานของ ฐากร ในช่วงที่ผ่านมา
แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่ ฐากร ฝากไว้ให้สังคมไทยได้ฉุกคิด และเตรียมรับมือกับโลกยุคใหม่
ฐากร ร่วมกับ ดร.ชุติพงศ์ กี่สุขพันธ์ ผอ.ส่วนวิเคราะห์นโยบายเชิงเศรษฐศาสตร์ สำนักงาน กสทช. เขียนบทความเกี่ยวกับอิทธิพลและความสำคัญของการบริการเหนือโครงข่ายโทรคมนาคม หรือ OTT (Over-The-Top) เผยแพร่ใน มติชน เมื่อ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา (อ่านรายละเอียดได้ที่ https://www.matichon.co.th/politics/news_2170293)
ขอยกบางส่วน บางตอนมาถ่ายทอดต่อ โดยเริ่มต้นด้วยคำกล่าวยุคกรีกโบราณที่ว่า Seeing is believing นั่นคือ เมื่อเห็นแล้วถึงเชื่อ แต่ในโลกดิจิทัล กลับเปลี่ยนเป็น Believing is seeing คือ เมื่อเชื่อแล้วถึงจะเห็น
ด้วย OTT ในสังคมออนไลน์ปัจจุบัน อัลกอริธึ่มจะวิเคราะห์บิ๊ก ดาต้าจากผู้ใช้งานในโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งข้อความ ข่าว รูปภาพ วิดีโอ และความเห็นต่างๆ ที่แต่ละคนเสพและตอบโต้กัน จะรู้ว่าแต่ละคนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และจะสนองตอบให้ตรงความต้องการมาให้เห็นเรื่อยๆ จนสิ่งที่เราเชื่อ และสิ่งที่เราชอบ กลายเป็นความจริงไป
เมื่อผ่านวิกฤตโควิด-19 วิถีชีวิตของคน กิจกรรมเศรษฐกิจ และการเมืองจะเปลี่ยนไป เราจะเข้าสู่สังคม 5G อย่างเต็มรูปแบบเร็วขึ้น ด้วยความเร็วกว่า 4G ถึง 100 เท่า
ในยุค 5G จะทำให้การใช้บริการ OTT เติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะมีอิทธิพลมากในการชี้นำความคิดทางการเมือง อาจถึงขั้นกำหนดคนที่จะมาเป็นนายกฯได้
บทความดังกล่าวสรุปว่า ถ้าไม่รีบตั้งต้นสตาร์ตอัพ OTT ของไทย ก็จะเจอ OTT ต่างชาติเข้าครอบงำ ออกแบบการเมือง และกลืนกินเศรษฐกิจไทยไปเรื่อยๆ
เป็นบทความที่ ฐากร ฝากไว้เป็นการบ้านให้สังคมไทยตระหนัก และหาทางรับมือ
แม้หลัง 30 มิถุนายน ฐากร จะพ้นเลขาฯ กสทช.ไปแล้วแต่เชื่อว่าอีกไม่นาน คงได้เห็น ฐากร ในบทบาทใหม่ที่จะช่วยผลักดันผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศในด้านอื่นๆ ต่อไปแน่นอน