ปล่อยวาง : สมหมาย ปาริจฉัตต์

ปล่อยวาง : สมหมาย ปาริจฉัตต์

คุณสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างถึง เต้าเต๋อจิง คัมภีร์แก่นแท้ของชีวิตของเหลาจื่อ ปราชญ์ชาวจีน เมื่อ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช

มีคำสอนเกี่ยวกับการปล่อยวางว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักจะดิ้นรนไขว่คว้าหาภาระลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาแบก มากเท่าไหร่ยิ่งคิดว่าดี แท้จริงคือความว่างเปล่า เพราะความมีอยู่ของสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ไม่ได้คงตัวอยู่ตลอดไป

ยกคำคมของปราชญ์ขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเองกับพรรคพวก 4 กุมาร รวมถึงท่านอาจารย์ใหญ่สมคิดด้วย หรือต้องการให้สติฝ่ายที่เคลื่อนไหวขับหัวหน้าและเลขาธิการพรรคให้ออกจากตำแหน่ง เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐต้องประชุมเลือกกรรมการบริหารใหม่ภายใน 45 วันก็ตาม

การยกทีมออกพร้อมกันทีเดียว 18 คน เพื่อสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

Advertisement

ถึงขณะนี้ประเด็นที่น่าคิดเลยขั้นที่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ไปแล้ว แต่ไกลไปถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และกลุ่มพลังอำนาจที่สนับสนุนคิดจะทำอะไร ต่อไป

แน่นอนว่ามูลเหตุจูงใจเบื้องต้น ก็เพื่อกระชับอำนาจ ทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นฐานรองรับที่มีเอกภาพมากขึ้นเพื่อยืดอายุการเป็นรัฐบาลต่อไปให้นานที่สุด

หากการต่อรองเก้าอี้ในการปรับคณะรัฐมนตรีไม่ลงตัว แต่บานปลายไม่หยุด ทางเลือกก็คือล้างไพ่ ยุบสภา ให้ประชาชนตัดสิน เพราะถึงอย่างไรสถานการณ์ขณะนี้ สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

Advertisement

นอกจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเอื้อโอกาสให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ตลอด ตราบใดที่วุฒิสมาชิกมีสิทธิโหวตเลือกนายกฯได้ ผลงานการรับมือกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นบวก

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ฝ่ายเสนาธิการคงคิดสูตรต่างๆ ตามสถานการณ์ที่พัฒนาไปตามลำดับ เป็นทางเลือกไว้เพื่อเสนอให้ตัดสินใจแล้ว

ความน่าสนใจของการเปลี่ยนแปลง ยังเป็นสัญญาณของการปรับเปลี่ยนทีมและทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอีกด้วย หากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ตัดสินใจขอพัก วางมือกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน

ส่วนหนึ่งเป็นอิทธิพลของกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ผลการดำเนินนโยบายที่ผ่านมาว่า อุ้มเจ้าสัว ดีแต่แจก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ประกาศไว้ไม่ปรากฏเป็นรูปธรรม ขณะที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก

ช่องว่างคนรวย คนจน เมืองกับชนบท ยิ่งถ่างออกไป จำนวนคนยากจนเพิ่มขึ้นสะท้อนจากจำนวนผู้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 14 ล้านคน คนชั้นกลางมีแนวโน้มเป็นคนจนใหม่มากกว่าจะขยับฐานะสูงขึ้น แนวโน้มการก้าวพ้นประเทศติดกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูงห่างไกลไปทุกที

ทิ ศทางการดำเนินนโยบาย มีโอกาสหันมาเน้นสร้างความเข้มแข็งแก่คนระดับล่าง เศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง โดยหัวหน้าทีมจะเป็นใคร ที่ปรากฏชื่ออกมาตามสื่อมวลชน อย่างนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล
อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายบัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง หรือฝ่ายการเมืองอย่าง นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองหัวหน้าที่ก้าวออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ตามหลัง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)

ไม่ว่าทีมเศรษฐกิจใหม่จะเป็นคนที่ถูกปล่อยข่าวออกมานี้หรือใครอื่นที่โผอยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตาม

ประชาชนคนดูละครการเมืองเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ยังคงมีคำถามในเชิงหลักการว่า ปรับแล้วชาวบ้านได้อะไร สังคมส่วนรวมได้อะไร การบริหารของรัฐบาลมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ไปตามเสถียรภาพที่มากขึ้นจริงหรือไม่

ประสิทธิภาพและเสถียรภาพที่เพิ่มขึ้นนั้น ตอบสนองความจำเป็นของยุคสมัยเพียงไร ตั้งแต่ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ขึ้นซึ่งยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะเป็นจริงจากความก้าวหน้าของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

การปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้านที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ยังย่ำอยู่ที่ก้าวไปไม่ถึงไหน ทั้งๆ ที่เวลาผ่านมาเกือบ 7 ปีแล้วหลังการรัฐประหาร ผลงานของมวลมหาประชาชน หรือ 3 ปีแล้วหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

ผลงานในเรื่องเหล่านี้ต่างหากที่ควรเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทั้งในพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาล มิใช่เพียงแค่อายุเวลาที่ทอดยาวออกไปและตำแหน่งที่ผลัดเปลี่ยนกัน

สำหรับผู้ที่ต้องจากไปด้วยความขุ่นเคืองใจหรือสบายใจเพราะปล่อยวางได้ก็ตาม คำสอนของพระพุทธองค์ ว่าด้วย โลกธรรม 8 มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ คงช่วยลดความขุ่นข้องหมองใจลงได้อีกทางหนึ่ง

เป็นไปตามคติที่ว่า การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ต้องมองอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่มองอย่างที่เราอยากให้เป็น นั่นแหละครับ ถึงจะปล่อยวางได้จริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image