สถานการณ์โควิดในไทยเริ่มเย็นลง แต่การเมืองกลับระอุขึ้น โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ วันที่ 3 กรกฎาคม
บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า พปชร.แทน อุตตม สาวนายน เพื่อแก้ปัญหาภายในพรรค ด้วยเพราะบรรดา ส.ส.กับผู้บริหารพรรคเดิม เป็นปลาคนละน้ำ สื่อกันคนละภาษา สนองไม่ตรงเป้า
ขณะเดียวกันก็เพื่อรองรับสถานการณ์ข้างหน้า ที่ บิ๊กป้อม ต้องเป็นบันไดให้น้องรักอย่าง บิ๊กตู่- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงจากหลังเสืออย่างปลอดภัย
หาก บิ๊กตู่ พอแล้ว หรือการเมืองถึงทางตัน อาจลาออกหรือยุบสภา บิ๊กป้อม ก็จะรับไม้ต่อ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามไล่ล่าน้องรัก
การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ตอนนี้ดูจะนิ่งสงบแต่ก็มีสัญญาณทะแม่งๆ เช่น ที่โพลบางสำนักออกมาระบุว่าประชาชนหนุนให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ หากการเมืองมีปัญหาวุ่นวาย
ถ้ามีเลือกตั้งใหม่จริงในอนาคตไม่ไกลนัก ชั่งน้ำหนักแล้ว พปชร.ในขณะนี้ได้เปรียบทั้งกระแสและกระสุนมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน ที่บ่อน้ำแห้ง แถมยังมีปัญหาภายในเช่นกัน
ขณะที่ บิ๊กป้อม ช่วงนี้ก็ลงพื้นที่ไปตรวจงานในจังหวัดต่างๆ ถี่กว่าปกติ ไม่รู้ว่าเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่
แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ต้องรอดูว่าหลัง พปชร.มีกรรมการบริหารชุดใหม่ และปรับ ครม.ใหม่ ไม่เกินสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะเกิดแรงสั่นสะเทือนมากน้อยแค่ไหน
แน่นอนว่า พปชร.ต้องเกลี่ยเก้าอี้ รมต.กันใหม่ มีการคิดสูตรคร่าวๆ ถึงโควต้า รมต. ใครมี ส.ส.ในกลุ่ม 8-9 คน ได้เก้าอี้ รมว.กระทรวง เกรดเอ หากมี 7-8 คน ได้ รมว.กระทรวง เกรดบี มี 6-7 คน ได้ รมว.กระทรวง เกรดซี หรือ รมช.กระทรวง เกรดเอ ถ้ามี 5-6 คน จะได้ รมช. กระทรวง เกรดบี
ต้องรอดูการปรับเก้าอี้ รมต.ในโควต้าของ พปชร.ครั้งนี้จะมีผู้หญิงได้ขึ้นมาเป็น รมต.กับเขาบ้างไหม ขณะที่ ครม.ชุดปัจจุบันมีผู้หญิงเพียง 3 คนที่เป็น รมต. มาจากพรรคภูมิใจไทย 2 คน และพรรคประชาธิปัตย์ 1 คน
ใน พปชร.จึงจับตาไปที่ผู้หญิง 2 คนคือ อาจารย์แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กับ มาดามเดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ
สำหรับ อาจารย์แหม่ม นั้นจะออกเป็นแนวนักวิชาการ อยู่ในกลุ่มเดียวกับ อุตตม ที่เป็นปลาคนละน้ำกับ ส.ส.
ขณะที่ มาดามเดียร์ พูดคุยคลุกคลีกับ ส.ส.มาตลอด ตั้งแต่เลือกตั้งที่ช่วยลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัด โดยเฉพาะใน กทม. ที่ช่วยทำให้ พปชร.กวาด ส.ส.กทม.มากถึง 12 เก้าอี้
หลังการเลือกตั้งก็ยังนำ ส.ส.ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อย่างช่วงวิกฤตโควิด-19 ก็พา ส.ส.ไปแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน
ล่าสุด ยังนำ 5 ส.ส.กทม.ไปรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างตึกกระทรวงการคลังและตึกสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ส่วนงานในสภา มาดามเดียร์ ก็ทำหน้าที่ได้ดี เช่นการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ข้อมูลแน่น กระชับ ไม่น้ำท่วมทุ่ง ทั้งท้วงติงและเสนอแนะ
ขณะเดียวกันยังทำงานใน กมธ.ชุดต่างๆ อาทิ โฆษก กมธ.การเงิน การคลังฯ และเป็นรองประธานคณะอนุ กมธ.คนที่ 2 ในคณะอนุ กมธ.การเงิน การคลังฯ
นอกจากนี้ยังเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และเป็นกรรมการและโฆษกคณะกรรมการบริหารชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีไทย
นับว่าครบเครื่องพอที่จะไปทำงานฝ่ายบริหาร แต่ที่ผ่านมามีแกนนำบางมุ้งใน พปชร.แอบไปเคลมว่า ส.ส.กลุ่ม มาดามเดียร์ เป็นก๊วนของตัวเองเพื่อไปต่อรองโควต้าเก้าอี้ รมต. ทั้งที่ มาดามเดียร์ กับ 5 ส.ส.กทม.รวมกลุ่มช่วยเหลือดูแลกันเองมาตลอด หากยึดตามสูตรแล้ว กลุ่ม มาดามเดียร์ ที่มี ส.ส. 6 คน จึงน่าจะได้โควต้า รมต.ด้วย
ต้องรอดูว่า ครม.บิ๊กตู่ 2/2 นี้จะมี รมต.หญิงจาก พปชร. ที่ชื่อ มาดามเดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี หรือไม่