- …เปิดหน้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ เป็น “ปรากฏการณ์ใหม่” ของเทศกาลประชามติ ที่เหลืออีกไม่กี่วัน เปิดข่าวในหน้า นสพ. ในโซเชียล มีเดีย และช่องทางสื่ออื่นๆ นักการเมือง บุคคลวงการต่างๆ ออกมาแสดง “จุดยืน” ชัดมากขึ้น ว่า 7 สิงหาคม จะให้ 1 คะแนนของตัวเองกับฝั่งไหน
- …ไปทางไหน ถ้าถามกันตรงๆ ว่า ”ผ่าน-ไม่ผ่าน” จะได้ “คำตอบ” ที่ตรงไปตรงมามากขึ้น คนถามกล้าถาม คนตอบก็กล้าตอบ อาจจะเป็นเพราะว่า มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า เนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญเป็นยังไง กลุ่มที่จะมีอำนาจต่อไปจะเป็นกลุ่มไหน ”ที่แน่ๆ” คือ ไม่ว่าจะ ”ผ่าน” หรือ ”ไม่ผ่าน” ก็ต้องมี “เลือกตั้ง” ในปี 2560 แน่นอน
- …ก็ไม่แปลก ที่เครือข่ายของ “คสช.” ออกมาบอกหน้าตาเฉยว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ จะไม่ใช่ชัยชนะของฝ่ายไม่เอารัฐประหารเท่านั้น แต่ฝ่ายสนับสนุน คสช.ก็ “ชนะ” ด้วย เพราะเท่ากับว่า ”คสช.” จะอยู่ยาวไปอีก 5-20 ปี เพื่อปฏิรูปให้ลุล่วง !!
- …“วิธีคิด-วิธีอธิบาย” แบบนี้ พิสดารแต่ไม่มีอะไรมาก นอกจากพยายามสร้างความ ”สับสน” และหา “สนามบิน” ให้ตัวเองไปพร้อมกัน ที่แน่ๆ ในความหมายที่ ”คนปกติ” เขาคิดกัน หากผลประชามติ “7 ส.ค.” ไม่เป็นไปตามที่ ”คาดหวัง” กันไว้ คงจะเกิดปัญหา ”งานเข้า” แน่นอน
- …เห็นอาการ ”ถอย” ของฝ่ายที่เคยหนุน คสช. ที่บางส่วนกลายมาเป็น “เครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใย” แล้ว เป็น “สัญญาณ” เตือนผู้กุมอำนาจปัจจุบันว่า ต้องเลิกฟัง ”พวกสอพลอ” ที่ห้อยโหน หวังเป็นใหญ่ด้วยเก้าอี้ “ลากตั้ง” หนทางข้างหน้า ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนและผ่อนคลาย “แรงต้าน” อาจจะมากขึ้นอีก!!
- …“ภาระหน้าที่” และ ”การบ้าน” ของนักการเมือง นอกจากออกมาแสดง ”จุดยืน” ให้ประชาชนเห็นชัดๆ แล้ว ยังต้องเตรียมการปฏิรูปตัวเอง การ “ฉกฉวยโอกาส” เพื่อไต่บันไดดารา อ้างสิทธิพิเศษว่าเป็น “คนดี” เดินตัดสนามไปสู่อำนาจอย่างที่เคยเกิดขึ้น จะต้องเลิกคิด-เลิกทำ อย่างเด็ดขาด
- …ส่วน “พรรค” ของกลุ่มทุน-วงศ์ตระกูล จะต้องกระจายอำนาจ จัดระบบใหม่อย่างจริงจัง ต้องนำเอา “นักการเมือง” ที่มี “อุดมคติ-ความสามารถ” มาใช้งาน ไม่ใช่เอาตัวเด่นๆ มาชูเพื่อหาเสียง แต่พอจัดเก้าอี้ กลายเป็นเด็กเจ๊ เด็กนาย แน่นขนัดไปหมด สุดท้าย ”ล้มทั้งกระดาน”
- …ถ้าแต่ละพรรค ไม่ “ปฏิรูป” ตัวเอง จะกลายเป็น “ข้ออ้าง-เงื่อนไข” ให้กลุ่มเสียอำนาจ เสียประโยชน์ เข้ามาทำลายระบบ เหมือนที่เกิดมาครั้งแล้วครั้งเล่า วาทกรรมที่ฝังหัวกันมาว่า ”นักการเมืองโกง-นักเลือกตั้งฉ้อฉล” กลายเป็น “ผู้ร้าย” ของระบบ จะถูกตอกย้ำซ้ำไปมาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
Advertisement