เป็นอันว่าพรรคพลังประชารัฐมีเสียงเพิ่มขึ้นมาจากการเลือกตั้งซ่อมอีก 1 เสียง เท่ากับมากกว่าฝ่ายค้านอีก 1 เสียง แต่เมื่อนับรวมกับพรรคเล็กพรรคน้อยที่ยังไม่แน่นอนว่าจะยกมือให้รัฐบาลเป็นบางครั้งบางคราว อาจจะมากกว่าฝ่ายค้านที่อาจไม่ยกมือ หรืองดออกเสียง พรรครัฐบาลก็นับว่า ชนะ “โหวต” อยู่ร่ำไป
เสียงเป็นทางการจากการนับตามที่ปรากฏของรัฐบาล ถึงอย่างไร รัฐบาลยังเป็นต่อวันยังค่ำ
แต่เมื่อฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนทั่วไป เสียงที่ได้ยินได้ฟังมายังเห็นว่า รัฐบาลน่าจะต้องปรับคณะรัฐมนตรีอยู่นั่นเอง
ประกอบกับเสียงจากพรรคพลังประชารัฐที่กระหึ่มออกมาถึงผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ยังได้ยินว่า ต้องมีการปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคจากคนเดิมที่ลาออกจากคณะกรรมการพรรคมากถึง 18 คน เป็นคนใหม่ที่มีเสียงออกมาว่า “ดี จะได้อยู่กับ ส.ส. ของผมมั่ง” นั้น แม้ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้เข้าไปนั่งยกมือหรืออภิปรายในสภา แต่เป็นหัวหน้าพรรคได้ ไม่มีข้อจำกัด
ทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนเลขาธิการพรรค นัยว่า “ตัวจริงเสียงจริง” ด้วยแล้ว
พรรคพลังประชารัฐคงยังหวังปรับเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีไปด้วยในคราวเดียวกัน
แล้วจะให้ “ลุงตู่” ของผมไปอยู่ที่ไหน เพราะเห็นว่าจะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีกลาโหมด้วยพร้อมกัน
อ้อ จะไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือไม่ก็กระทรวงศึกษาธิการ น่าจะเหมาะกว่าให้ออกไปนั่งตบยุงที่ทำเนียบรัฐบาล ทุกวันนี้ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี “ลอย” ให้เสียด้วย
แหม – – ทำไมรังเกียจรังงอน “ลุงตู่” ของผมถึงเพียงนั้น สู้อุตส่าห์ “ถ้าไม่ออก ผมยึดอำนาจ” ประมาณนั้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ทำเป็นจำไม่ได้หรือไง นี่หากไม่มี “โควิด-19” ป่านนี้ผมจัดอะไรต่อมิอะไรไปเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่เชื่อรึไง
อีกสองสามวัน โรงเรียนเปิดภาคเรียนใหม่แล้ว ขอให้หนูเล็กเด็กๆ ทั้งหลายอย่านอนตื่นสาย เป็นเด็กเกียจคร้าน
อีกสองสามวันสิ้นเดือนมิถุนายน ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 30 มิถุนายน คงจะมีอะไรต้อนรับเปิดภาคเรียนใหม่ด้วยหรอกน่า อย่างน้อยคงได้ปลดล็อกระยะห่างออกบ้าง ประเดี๋ยวลูกเด็กเล็กแดงวิ่งเล่นกันตามประสาไม่สนุก แล้วมาโทษลุงตู่อีก ไม่ดีดอกนะ
เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดจากเสียงสนับสนุน “ปริ่มน้ำ” มาด้วยเสียง “ปริ่มน้ำ” อาจไปด้วยเสียง “ปริ่มน้ำ” ก็ได้ ใครจะไปรู้
แต่เป็นเรื่องธรรมดาของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากการแต่งตั้งของตัวเอง แต่จำนวนคนตั้ง 250 คน ใจคอจะเหมือนกันหมดคงไม่ได้ ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งย่อมมีความเป็นตัวของตัวเองบ้างหรอกน่า
อาจชอบใจบางอย่างบางเรื่อง ไม่ชอบใจบางอย่างบางเรื่อง จะให้ชอบเหมือนกันหมดได้อย่างไร
ความเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่งตั้งได้ แต่ปลดออกไม่ได้ เป็นสมัยเดียว 5 ปีคงเพียงพอแล้วกระมัง กล้าๆ อภิปรายเรื่องดี ๆ เป็นประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนสักเรื่องสองเรื่อง ถูกหูถูกใจเจ้าของเสียงเลือกตั้ง ครั้งต่อไปพ้นตำแหน่งแล้ว อาจไปเป็นอะไรต่อมิอะไรได้อีก มันบ่แน่ดอกนาย
ประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จ วันอังคารที่ 30 มิถุนายน รุ่งขึ้น วันพุธที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันเปิดภาคเรียนของปีการศึกษา 2563 ช้ากว่าที่เคยนานเดือนครึ่ง ตั้งแต่ 17 พฤษภาคม 2563
กระนั้น วันที่ 1 กรกฎาคม ปีนี้ คงเป็นเช่นเดียวกับวันที่ 17 พฤษภาคม ของปีก่อน และหลายๆ ปีก่อนที่เป็นวันพิเศษมีความหมายแห่งการเริ่มต้นใหม่ เป็นวันเริ่มต้นใหม่ของชีวิตที่ได้ไปโรงเรียนวันแรก
เขาเหล่านั้นมีจำนวนเป็นล้าน เป็นสมบัติอันมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในชาติ ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เหมือนเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย โปรดเอาใจใส่ดูแลเขาให้ดี ไม่ใช่ “โตไปไม่โกง” แต่ต้องสอนให้เขาไม่โกงตั้งแต่วันนี้
เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์
