การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2564 ที่เพิ่งผ่านพ้นวาระ 1 ไป และตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา 72 คน เพื่อพิจารณาในรายละเอียด เพื่อนำเสนอให้กับสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระ 2-3 อีกครั้งนั้น มีประเด็นที่น่าสนใจในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นผู้ที่มีโอกาสได้เห็นรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ และมีหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ เพื่อร่วมพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้จุดประเด็นให้สังคมได้ตระหนักถึงการจัดทำงบประมาณครั้งนี้
จากการอภิปรายของ ส.ส.ในสภา ทำให้สังคมต้องมาจับจ้องอย่างวิเคราะห์ว่างบประมาณปี 2564 จำนวน 3.3 ล้านล้านบาทนั้น ในรายละเอียดแล้ว เป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองใครระหว่างการจัดงบประมาณเพื่อสนองความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีงบกลางจำนวนกว่า 6 แสนล้านบาท หรือจัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองความต้องการของฝ่ายราชการ ผ่านทางกระทรวงต่างๆ หรือจัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองประชาชน ซึ่งกำลังตกระกำลำบากจากการระบาดของโควิด-19
การจัดสรรงบประมาณเพื่อใครนั้น สามารถวิเคราะห์ได้ตามจำนวนตัวเลขที่มีการจัดสรร การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ที่ผ่านมา 3 วัน สะท้อนให้เป็นภาพ และหากนำมาวิเคราะห์กับข้อมูลตัวเลขตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณต่างๆ ที่ปรากฏในเอกสารก็น่าจะพอมองเห็นได้อย่างชัดเจน และการมองเห็นความแตกต่างระหว่างการจัดงบเพื่อนายกฯ หรือเพื่อฝ่ายราชการ หรือเพื่อประชาชน จะเป็นหลักสำคัญในการติดตามการพิจารณางบประมาณในส่วนของคณะกรรมาธิการซึ่งจะลงรายละเอียด และจะได้เห็นจุดยืนของกรรมาธิการที่มาจากแต่ละพรรคว่าเนื้อแท้ของการเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นต้องการเข้าสู่สภาเพื่อใคร มีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นปากเสียงให้ประชาชนแค่ไหน และสามารถดึงประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณางบประมาณซึ่งก็คือภาษีของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด
การพิจารณางบประมาณปี 2564 จึงมีความสำคัญทุกขั้นตอน เงินงบประมาณจำนวน 3.3 ล้านล้านบาท ที่แบ่งเป็นงบประมาณประจำ 2.5 ล้านล้านบาท งบประมาณลงทุน 6.7 แสนล้านบาท งบประมาณชำระคืนเงินต้น 9.9 หมื่นล้านบาทนั้น ในห้วงเวลาวิกฤตเช่นปัจจุบันที่ทุกภาคส่วนต้องการใช้งบประมาณเพื่อความอยู่รอด และฟันฝ่ามรสุมเศรษฐกิจที่ตกหนักไปให้ได้ สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณางบประมาณที่จะต้องใช้ในปี 2564 ในห้วงเวลาที่โรคระบาดโควิด-19 ยังมีฤทธิ์อยู่อย่างไร ประชาชนต้องคอยติดตาม และส่งเสียงย้ำเตือนอยู่เนืองๆ ว่างบประมาณที่จัดสรร ต้องเป็นงบประมาณที่จัดสรรเพื่อประชาชน ทำให้ประชาชนอยู่รอดปลอดภัยจากวิกฤตโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังแผลงฤทธิ์อยู่ในปัจจุบัน
