ศึกหนัก-ทัพใหม่ โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

วิกฤตโควิด-19 ยังไม่จบง่ายๆ แต่ไทยถือว่ายังดีกว่าหลายประเทศ ที่ต่อกรกับการแพร่เชื้อได้ดี เลยไม่ต้องเจอศึก 3 ด้าน ทั้งสาธารณสุข-เศรษฐกิจ-สังคม

ด้านสาธารณสุขเบาใจได้หลายขุมแล้ว แต่ศึกด้านเศรษฐกิจและสังคมยังหนักหนาสาหัสอยู่

เศรษฐกิจและสังคม เป็นเหรียญคนละด้าน ถ้าเศรษฐกิจดีสังคมก็น่าจะสุขีด้วย

สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้นต้องพึ่งพิงรายได้จากต่างประเทศสูงมาก ทั้งการส่งออกที่มีสัดส่วน 50-60% ของจีดีพี และการท่องเที่ยว 10-15% รวมแล้วก็ปาเข้าไปตั้ง 60-75% ของจีดีพี จากมูลค่ารวมจีดีพีของไทยอยู่ที่ 16-17 ล้านล้านบาท

Advertisement

ที่ผ่านมาการส่งออก จึงเป็นพระเอก ส่วนการท่องเที่ยวเป็นพระรอง ที่ช่วยประคองเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวต่อเนื่องมาตลอด

แต่พิษสงของโควิด-19 ทำให้พระเอกของไทยในปีนี้ต้องงอมพระรามคาดกันว่าจะติดลบถึง 10% ทำให้จีดีพีหายไปประมาณ 5%

ส่วนพระรองการท่องเที่ยว ที่เคยมีต่างชาติเข้ามาร่วม 40 ล้านคน ก็หายจ้อย คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนประมาณ 12% ของจีดีพี ก็จะเหลือแค่ 2-3% ของจีดีพี

Advertisement

ขณะที่การท่องเที่ยวของคนไทย ที่แม้จะเริ่มคึกคักขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์ แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เพราะสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงสถานบันเทิงต่างๆ ยังมีข้อกำหนดจำกัดจำนวนคน และจำกัดเวลา และเงินในกระเป๋าร่อยหรอลง

รายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 8% ของจีดีพี ก็คาดกันว่าจะหายไปครึ่งหนึ่งเหลือ 4%

การจะเข็นครกให้พระเอกและพระรองขึ้นภูเขา ก็แสนยากเย็น เพราะขึ้นกับปัจจัยในต่างประเทศ

เมื่อทั่วโลกยังมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ต่อเนื่อง การส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ก็ต้องง่อยเปลี้ยต่อไป

เมื่อสถานการณ์ภายนอกยังไม่เอื้อ ก็ต้องอาศัยปัจจัยจากภายใน แม้จะไม่แรงเท่า แต่พอจะช่วยประคองไม่ให้ย่ำแย่เกินไป

งบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ที่ ครม.เริ่มทยอยอนุมัติแล้ว แม้จะไม่มากมายนักเมื่อเทียบกับจีดีพีที่หายไปร่วม 2 ล้านล้านบาท แต่พอจะช่วยบรรเทาพิษได้บ้าง

ทั้งนี้ ทั้งนั้น เม็ดเงิน 4 แสนล้านบาท ต้องลงสู่พื้นที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่เป็นไอติมละลายระหว่างทาง จะยิ่งทำเศรษฐกิจลงเหวลึกไปอีก

ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว ทั้งแทรเวล บับเบิล และบิซิเนส บับเบิล ก็ควรเร่งออกเกณฑ์ที่รัดกุม พอเหมาะพอควร เพื่อแง้มประตูให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจอีกทาง

เพราะลำพังการท่องเที่ยวของคนไทยกันเองไม่พอจะฉุดให้ภาคบริการและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวฟื้นคืนมาได้

ยังมีเวลากว่า 5 เดือนก่อนจะสิ้นปี ที่จะยันศึกเศรษฐกิจ ไม่ให้ทรุดหนักกว่าเดิม

แต่ดันมีปัจจัยการเมืองมาแทรก ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ทั้ง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กับ 4 กุมาร อุตตม สาวนายน รมว.คลัง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รมว.พลังงาน สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาฯนายกฯ ที่มีข่าวจะถูกโละทั้งทีม อาจส่งผลต่อการทำศึกครั้งนี้

ต้องดูว่าหากเปลี่ยนทัพเศรษฐกิจใหม่ จะเย้หรือจะยี้ ม้าที่เข้ามาเปลี่ยนกลางศึก จะช่วยฝ่าแนวรบเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ดีแค่ไหน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image