คนอเมริกันเป็นอะไรไป โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ข่าวการได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะไม่ใช่ข่าวที่แสดงความประหลาดใจให้กับคนอเมริกันและผู้คนทั่วโลกก็ตาม แต่ก็เป็นข่าวที่น่าตกใจ

เพราะการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะจนได้รับเลือกเป็นผู้แทนพรรค เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกานั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ง่าย ต้องทำงานหาเสียงกับสมาชิกพรรคในมลรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ โดยการแสดงบุคลิกที่ดี มีประวัติการทำงานการเมืองโดยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทางการเมืองมาก่อน มีลีลาการพูดสุนทรพจน์ที่เร้าใจ มีเนื้อหาวาจาเป็นผู้ดี ไม่หยาบคายเหมือนบางประเทศในยุโรป ที่สำคัญคือมีความเป็น “อารยะ” ในด้านความคิด ในเรื่องสิทธิมนุษยชน ยอมรับในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันของคนทุกเชื้อชาติ เพศและศาสนา

แต่ดูเหมือนนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีคุณสมบัติและความรู้สึกนึกคิด มีปรัชญาทางด้านการเมืองและสังคมอยู่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ประชาชนอเมริกันควรจะมี

ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ไม่ใช่ประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติอันยาวนาน เช่นประเทศในยุโรปและเอเชีย เดิมเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวพื้นเมืองที่ล้าหลัง ที่ชาวยุโรปเรียกว่า “อินเดียนแดง” เพราะเข้าใจผิดคิดว่าทวีปอเมริกาคืออินเดีย

Advertisement

ประชากรทั้งหมดเป็นคนอพยพมาอยู่ในทวีปแห่งนี้ หลังจากการค้นพบของนักเดินเรือเมื่อ 300-400 ปีมานี้เอง ชื่อทวีปก็ตั้งตามชื่อนักเดินเรือสำรวจ ผู้อพยพ ไม่ได้อพยพมาเพราะความยากจนที่บ้านของตนอย่างเดียว แต่อพยพมาด้วยเหตุผลต่างๆ กัน เช่น ชาวผิวขาวจากอังกฤษและชาวยุโรปจำนวนมากอพยพมาเพราะต้องการเสรีภาพในการนับถือศาสนา เพราะในสมัยนั้นประชาชนอยู่ในประเทศไหนต้องนับถือนิกายศาสนาที่พระเจ้าแผ่นดินของตนนับถือ ถ้าไม่อยากนับถือนิกายศาสนาที่เจ้าผู้ปกครองแผ่นดินนับถือก็ควรจะอพยพไปอยู่เสียที่อื่น ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งอาณานิคมขึ้น ก็มีการอพยพมาเป็นทหาร นายทุนก็อพยพมาทำการเพาะปลูก

เพราะมีที่ดินเหลือเฟือ ไม่มีราคา ใครมีปัญญาแผ้วถางป่าได้เท่าไหร่ก็ทำไป จึงมีการลงทุนแผ้วถางป่าทำการเกษตร เช่น ปลูกข้าวโพด ข้าวสาลี เลี้ยงสัตว์ ปลูกฝ้าย อ้อยและน้ำตาล ปลูกถั่วเหลือง พืชผักผลไม้ รวมทั้งการทำกระดาษเพื่อส่งออกไปยุโรป

นอกจากการอพยพมาเองด้วยเหตุผลต่างๆ แล้ว ที่น่าเศร้าก็คือการบังคับเอาคนผิวดำจากแอฟริกามาขายเป็นทาสในไร่ที่ทำการเกษตร เช่น ไร่ฝ้าย ไร่อ้อย ไร่ถั่วเหลือง หรือแม้แต่ข้าวสาลีและมันฝรั่ง คนผิวดำที่ถูกจับมาเป็นทาส บัดนี้ก็กลายเป็นคนกลุ่มน้อยขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เพราะนิยมมีลูกมากกว่าคนผิวขาว

Advertisement

ในปลายศตวรรษที่ 19 มีการนำเอาชาวจีนมาเป็นคนงานสร้างทางรถไฟสายตะวันออกตะวันตกจำนวนมาก บัดนี้ชาวจีนเหล่านี้ก็มีลูกหลานสืบเชื้อสายอยู่ในอเมริกา หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งก็อพยพหนีความยากจนในญี่ปุ่นมาอยู่ที่อเมริกา

ต่อมาหลังสุดเมื่อสหรัฐอเมริกาแพ้สงครามเวียดนาม ชาวเวียดนามจำนวนมากก็อพยพมาอยู่ที่อเมริกาตามเมืองใหญ่ๆ

สหรัฐอเมริกาจึงกลายเป็นประเทศที่มีคนหลายเชื้อชาติ หลายผิวพรรณ หลายภาษา หลายศาสนา หลายเผ่าพันธุ์ หลายความคิด มาอยู่ปนกันจนกลายเป็นสังคมผสมหรือ “melting pot”

การที่สังคมผสมอย่างอเมริกาสามารถดำรงอยู่ได้ ไม่แตกแยกจนรบราฆ่าฟันกันอย่างรุนแรง ก็เพราะสังคมอเมริกันนั้นถูกกำหนดให้มีความรู้สึกนึกคิด โดย “กลุ่มปัญญาชน” ที่มีจิตวิญญาณของความเป็น “ผู้เจริญ” ซึ่งวางรากฐานไว้โดย “บิดาผู้ก่อตั้ง” ประเทศ หรือ “founding fathers” ด้วยคำประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ จากจิตวิญญาณของรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ที่ยึดถือกันมาเกือบ 300 ปีมาแล้ว

ทุกวันนี้ กลุ่มปัญญาชนเหล่านี้ก็ยังคงดำรงอยู่ ประกอบด้วย ปัญญาชน อาจารย์มหาวิทยาลัย นักคิดนักเขียน สื่อมวลชน ผู้นำศาสนา ผู้นำทางจริยธรรม ที่คอยให้สติกับสังคม ทำให้เกิดการแก้ไข ปรับปรุง ความคิด วิธีคิด ความประพฤติ รวมทั้งคุณค่าทางสังคมอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญความคิดว่าสังคมอเมริกันเป็นสังคมพลเรือน “civil society” ไม่ใช่สังคมทหาร “military society” เป็นสังคมที่ใช้เหตุผลของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่สังคมที่ใช้กำลัง แต่คนส่วนน้อยก็ได้รับการคุ้มครอง

แต่อีกด้านหนึ่งที่ไม่อาจจะแสดงออกมาได้อย่างเปิดเผยก็คือ อเมริกาเป็นสังคมที่มีความไม่เท่าเทียมกันอย่างยิ่ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง มีสูงมากอาจจะมากกว่าประเทศใดๆ ในโลก การปฏิบัติต่อกันถ้าดูจากภายนอกจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่ภายในใจจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง การแต่งงานข้ามเชื้อชาติผิวพรรณ ฐานะทางเศรษฐกิจ มีน้อยมาก แม้ว่าระยะหลังจะดีขึ้นก็ตาม คนที่เกิดจากบิดามารดาต่างสีผิวกันก็จะได้รับการปฏิบัติตอบแบบเดียวกัน ผู้มีสีผิวที่ไม่ใช่คนผิวขาวกลายเป็นบุคคลชั้นสาม ไม่ใช่แม้แต่เป็นบุคคลชั้นสอง ไม่เป็นที่ยอมรับกับสังคมทั้ง 2 ฝ่าย คล้ายๆ กับการแบ่งวรรณะในอินเดีย

โครงสร้างของประชากรในสหรัฐอเมริกา เปลี่ยนไปจาก 50 ปีก่อนเป็นอันมาก เพราะคนผิวสีที่ยากจนนิยมมีลูกมาก คนเอเชีย คนเชื้อสายสเปน อิตาลี โปรตุเกส จากประเทศละตินอเมริกาที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นิยมมีลูกมาก ชาวยุโรปที่มีเชื้อสายอังกฤษ เยอรมัน สแกนดิเนเวีย ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ นิยมมีลูกน้อย จึงมีสัดส่วนในโครงสร้างประชากรน้อยลง

การที่โครงสร้างประชากรเปลี่ยนไปเช่นนี้ ทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของชาวผิวขาวจากยุโรปตะวันตกมีมากขึ้น การตั้งอัตราภาษีที่ดินที่สูงโดยรัฐบาลท้องถิ่น ทำให้คนชั้นสูงผิวขาวกับคนผิวสี หรือคนจากอเมริกาใต้และเอเชีย ต้องแยกกันอยู่ เพราะคนระดับล่างไม่สามารถเสียภาษีในอัตราที่สูงได้

สถานศึกษาที่ดีๆ ก็จะเป็นสถานศึกษาของเอกชนที่ค่าเล่าเรียนแพงสำหรับคนนอกพื้นที่ เพราะได้รับการอุดหนุนจากภาษีที่ดิน ทำให้การศึกษาของบุตรหลานของคนรวยดีกว่าบุตรหลานของคนจน บุตรหลานของคนรวยมีโอกาสศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้มากกว่า กลายเป็นวัฏจักรของชนชั้นในสหรัฐอเมริกา

เมื่อจะมีการเลือกตั้ง พรรครีพับลิกันซึ่งเป็นพรรคของคนผิวขาวชั้นสูง ที่มีความคิดอนุรักษนิยม ที่มีความอึดอัดอัดอั้นอยู่ในใจต้องการแสดงออกถึงความไม่พอใจสังคมของตน จึงมักจะเลือกคนที่เสนอนโยบายสุดโต่งให้เป็นตัวแทนของตน เข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สร้างความฮือฮา เป็นสีสันให้กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นระยะๆ เสมอมา

โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ใช่คนแรกที่เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันที่เสนอนโยบายขวาสุดโต่ง นายแบรี่ โกลด์วอเตอร์ เคยเสนอนโยบายขวาสุดโต่ง ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค นายโกลด์วอเตอร์ เสนอนโยบายที่จะทำสงครามปรมาณูกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ถ้าหากตนได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี โดยมีนายรีแกน ดาราภาพยนตร์คาวบอยของฮอลลีวู้ดเป็นผู้สนับสนุน ต่อมานายรีแกนได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงสมัครและชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ก็มีนโยบายแข็งกร้าวกับคอมมิวนิสต์ ประกาศทำสงครามอวกาศกับสหภาพโซเวียต จนเศรษฐกิจโซเวียตพังทลาย เศรษฐกิจโลกก็พลอยพังไปด้วย เป็นผลให้เกิดการล่มสลายของค่ายคอมมิวนิสต์ แม้โกลด์วอเตอร์จะไม่ได้เป็นประธานาธิบดี แต่ความรู้สึกนึกคิดของคนอเมริกันแบบโกลด์วอเตอร์ก็ดำรงอยู่และมีอิทธิพลต่อประธานาธิบดีคนต่อมา

การที่สมาชิกพรรครีพับลิกันเลือกโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวแทนพรรค ก็แสดงว่าคนผิวขาวชั้นสูงอเมริกันอึดอัดมากกับคนอพยพหนีเข้าเมือง ที่มีอยู่ในอเมริกาขณะนี้ถึง 11 ล้านคน เขาประกาศว่าจะสร้างกำแพงกั้นระหว่างอเมริกากับเม็กซิโก เขาอึดอัดมากกับชาวมุสลิมหัวรุนแรงที่คิดว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่นั่นที่นี่ อึดอัดมากกับจำนวนคน

ผิวสีที่มีสัดส่วนมากขึ้นเพราะไม่คุมกำเนิด เรียกร้องความเท่าเทียมกันเมื่อตำรวจผิวขาวยิงเด็กผิวดำเสียชีวิต อึดอัดมากกับนโยบายสวัสดิการทางการแพทย์และอื่นๆ เพราะเท่ากับเอาเงินภาษีซึ่งคนขาวจ่ายมากกว่าไปอุดหนุนคนจน ที่เป็นคนผิวอื่นที่ไม่ใช่คนผิวขาว

แม้ว่าโครงสร้างบนของสังคมอเมริกันจะถูกคุมไว้ด้วยปรัชญา จารีตประเพณี กฎหมาย ความรู้สึกนึกคิด ที่เป็น “อารยะ” และเป็นตัวอย่างให้กับสังคมในประเทศอื่น แต่อีกด้านหนึ่งกลับเป็นสังคมที่น่ากลัว และมีความกดดันสูงสำหรับคนชั้นล่าง

วาทกรรมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นการสะท้อนออกของจิตสำนึกของคนชั้นกลางและคนชั้นกลางค่อนข้างสูงของคนอเมริกัน ที่ถูกกดดันไม่ให้แสดงออกโดยโครงสร้างส่วนบน โดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะไม่เป็นประธานาธิบดี แต่ก็ได้ทิ้งขยะและยาพิษไว้ให้อเมริกา โดยคนอเมริกันไม่รู้ตัว

หนักใจแทนชาวอเมริกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image