เดินหน้าชน : ท่องเที่ยว-หมุนศก. โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

เดินหน้าชน : ท่องเที่ยว-หมุนศก. โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศมา 2 เดือนกว่าแล้วนับจากวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลอุ่นใจได้บ้าง ในการคลายล็อกต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้เศรษฐกิจขยับขับเคลื่อนมากขึ้น

ล่าสุด ให้โรงเรียนเปิดเรียนในห้องตามปกติ ไม่ต้องสลับวันกันเรียน ส่วนรถ-เรือโดยสาร ก็เลิกเว้นที่นั่ง การแข่งขันกีฬาก็เปิดให้คนเข้าดูในสนามได้บางส่วน…แต่ยังไม่ทำให้เศรษฐกิจเขยื้อนได้มากนัก

ฟันเฟืองสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจหมุนได้ดีขึ้นนั่นคือ “การท่องเที่ยว” ที่ทำรายได้เข้าประเทศร่วม 3
ล้านล้านบาท คิดเป็น 18% ของจีดีพี

ที่ผ่านมารัฐผ่อนปรนมากขึ้น ทั้งให้มีวันหยุดยาว และออกแพคเกจกระตุ้นให้คนท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ก็ทำได้แค่คนไทยเที่ยวในประเทศ

Advertisement

แม้คนไทยจะเที่ยวกันคึกคักเหมือนที่ผ่านมา ก็ยังแรงไม่พอ เพราะในยามปกติคนไทยเที่ยวในประเทศ มีประมาณ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.13 ล้านล้านบาท

ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยร่วม 40 ล้านคน มีรายได้เข้าประเทศ 2 ล้านล้านบาท

แต่ด้วยพิษโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก การท่องเที่ยวของต่างชาติจึงถูกเบรกหัวทิ่ม

Advertisement

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในไทย มีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็น่าจะแง้มประตูให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้บ้าง

ด้วยหลายประเทศยังเจอวิกฤตโควิด-19 ระบาด น่าจะเป็นโอกาสของไทย ที่จะเป็น “เซฟตี้ โซน” ให้ต่างชาติหนีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อในประเทศตัวเอง มาหลบภัยในไทยได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับเศรษฐี

แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ไม่ใช่เปิดประตูอ้าซ่า รับได้หมดถ้าสดชื่น แต่เป็นการแง้มประตู ที่มีเงื่อนไข และกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด

ทั้งก่อนจะเข้ามา ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (fit to fly certificate) จากประเทศต้นทาง ต้องทำประกันสุขภาพ วงเงินเท่าไรก็ว่าไป

มาถึงไทยแล้วต้องตรวจเชื้ออีกรอบ ต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน โดยมีระบบติดตามตัว และต้องอยู่ในพื้นที่เฉพาะที่จัดไว้ให้ จะให้เที่ยวติดเกาะ หรือติดดอย ก็กำหนดให้ชัดเจน

อย่างที่มีการเสนอ “ภูเก็ตโมเดล” ก็น่าสนใจ ที่ขอเปิดรับนักท่องเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และไพรเวตเจ็ท ซึ่งต่างชาติหลายประเทศแจ้งมาว่าพร้อมจะมาภูเก็ต โดยยินยอมกักตัว 14 วัน

“ภูเก็ต” มีสภาพเป็นเกาะที่น่าจะควบคุมจัดการได้ ขณะที่รายได้หลักของภูเก็ต คือการท่องเที่ยว ที่มีต่างชาติเข้ามากว่า 10 ล้านคน มีรายได้กว่า 4 แสนล้านบาท

เมื่อต่างชาติหายวับ ก็เดือดร้อนกันทั้งจังหวัด ล่าสุด ประชาชนจากหลายหลากอาชีพ ทั้งเจ้าของกิจการขนาดเล็ก, พนักงานโรงแรม, มัคคุเทศก์, รถแท็กซี่, รถตู้, รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว, นวดชายหาด และอื่นๆ กว่า 500 คน ตกงาน ไม่มีรายได้ ไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯภูเก็ต ขอความช่วยเหลือ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ก็เปรยออกว่า “การเปิดให้ต่างชาติเข้ามาไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องคิดตั้งแต่ต้นทางก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามา เที่ยวบินแต่ละเที่ยว ลงมายังสนามบิน เข้าที่พักแล้วไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ท้องถิ่นจะต้องให้ความร่วมมือ ไม่เช่นนั้นข้างล่างจะบ่นว่าเศรษฐกิจฐานรากไม่ดี”

หากต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มกระเป๋าหนักเข้ามาไทย ก็จะช่วยเติมเม็ดเงินเป็นน้ำมันช่วยเศรษฐกิจหมุนดีขึ้นอีกหน่อย

นอกจากปริมาณเม็ดเงินแล้ว เวลาก็ช่วยหมุนเศรษฐกิจได้เช่นกัน หากยืดเวลาการจับจ่ายมากขึ้น

อย่างสถานบันเทิง ที่เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว หากให้เปิดได้ถึงตี 2 ก็จะช่วยให้ธุรกิจกลางคืนช่วยหมุนเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image