หลายคนเป็นห่วงนักเรียนนิสิตนักศึกษาลูกหลานที่กำลังชุมนุมทางการเมืองกันอย่างคึกคักอักโขขณะนี้ว่า “เชื้อไฟ” กำลังจะได้ที่นี้ ถ้าเพียงมีใครลงมือ “จุดไฟ” จะพรึบขึ้นมารวดเร็วและลุกลามทั่วประเทศ
ที่ว่า “เด็ก” ที่ว่า “ฟันน้ำนม” ที่ว่า “ม็อบมุ้งมิ้ง” นั้นแท้จริง เด็กรู้ไกล เด็กรู้กว้าง และเด็กๆ รู้เท่าทัน บุคคล-ระบบการเมือง-กลไกทางการเมือง-ลีลาท่าทีที่น่ารังเกียจ ตลอดจนแผนการทางการเมืองอันน่าชังของผู้ใหญ่
ถ้ารัฐบาลกึ่งทหารคณะนี้ตัดสินใจผิดพลาดอาจถึงขั้น “นองเลือด” อีกครั้ง เพราะยังคงมีกลุ่มปีศาจกระหายเลือดที่กระเหี้ยนกระหือรือจะบดขยี้นักเรียนนิสิตนักศึกษาด้วย “ข้ออ้าง” เดิมๆ ทั้งที่ “สิ่งที่” กลุ่มเยาวชนเรียกร้องนั้นเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ในระบอบประชาธิปไตย
คำถามจึงมีว่า เมื่อเด็กรู้ทันแล้วลุกขึ้นมาชำระความโสโครกที่ผู้ใหญ่ทำทิ้งเอาไว้ ผิดตรงไหน !?
เด็กๆ ลุกขึ้นมาจุดเทียนให้ความสว่าง ครูบาอาจารย์ก็เริ่มผ่อนคลายและกล้าหาญ ไม่ปิดกั้นการแสดงออก ซ้ำยังบอกว่านิสิตมีสิทธิเสรีภาพที่จะร่วมชุมนุมทางการเมือง หากถูกจับกุม ครูบาอาจารย์ก็พร้อมจะเอาตำแหน่งหน้าที่ไปประกันตัวลูกศิษย์ และให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย
คำประกาศ “เราจะไม่ทน” จึงกึกก้อง กังวาน บาดหูบาดหัวใจเผด็จการ !
จะว่าไปแล้ว นักเรียนนิสิตนักศึกษาเยาวชนไม่ได้มีปัญหา “ส่วนตัว” กับใคร เพียงแต่เมื่อรู้เท่าทันความพิกลพิการของระบบที่คณะรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 กับพวกสร้างเอาไว้ก็นำเสนอ “ข้อเรียกร้อง”
1.ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.ให้ยุบสภา และ 3.ให้หยุดคุกคามประชาชนที่เห็นต่าง
ทั้งที่เป็นข้อเรียกร้องต้องการ “การเปลี่ยนแปลง” แต่กลับถูก “รัฐบาล” และกลไกที่รับใช้บิดเบือนกลบเกลื่อนด้วยวาทกรรม “พวกชังชาติ” พร้อมกับปลุกระดมมวลชนในอาณัติเข้าต่อต้าน
มุขแบบนี้ใช้กันมาตั้งแต่ 6 ตุลา 2519 ขวาพิฆาตซ้าย ใช้เด็กฆ่าเด็ก อาชีวะฆ่านักศึกษา พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ ใช้คนไทยฆ่าคนไทย
ล่วงผ่านมา 44 ปี พัฒนาการของการเมืองไทย ก้าวไกลไปถึงไหน
ผู้ซึ่งทำหน้าที่อยู่ในองค์กรอิสระ ทหาร ตำรวจ อัยการ ศาล ตลอดจนกลไกรัฐทั้งระบบ จึงควรจะต้องจดจำเอาไว้ว่า อีก 20 ปีข้างหน้า คนที่อายุ 75 ปีในวันนี้จะต้องตายกันหมด
เวลาใน “อนาคต” เป็นของเด็กเยาวชนคนหนุ่มสาวอย่างแท้จริง !?!!