วัดใจรัฐมนตรี โดย เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

ช่วงที่ผ่านมา การแสดงออกของกลุ่มนักเรียนในทางการเมือง ทำให้พบว่า ผู้ใหญ่ทึ่งไปกับสิ่งที่เด็กแสดงความคิดเห็นออกมา มีข้อมูลเตรียมมาอย่างดี สามารถจะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน แต่ก็มีผู้ใหญ่อีกส่วนหนึ่งที่มองว่าเด็กถูกชักจูงในเรื่องแนวความคิดที่ไม่ถูกต้อง ต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง

เมื่อก่อนและจนถึงเดี๋ยวนี้ เรามักจะถูกปลูกฝังแต่เด็กว่า “เด็กดีต้องเชื่อฟังครู” ส่งผลไปถึงการแสดงออกของเด็กในชั่วโมงชั้นเรียนที่ส่วนใหญ่ไม่กล้าจะยกมือถามครูเพื่อแสดงความคิดเห็น หลายคนตกหลุมลึกจนโตเป็นผู้ใหญ่ในสถานที่ทำงาน ไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจออกมา มักบอกว่า “เห็นดีด้วย” หรือสู้นิ่งเงียบดีกว่า

เด็กที่ไม่กล้าถามอาจเป็นเพราะบรรยากาศในห้องเรียนชวนให้หวั่นไหว ครูก็เหมือนผู้ทรงอำนาจในชั้นเรียน
ถามแล้วจะโดนว่าหรือไม่ หรือถ้าถามแล้ว เพื่อนจะแอบนินทาว่าอยากโชว์หรือไม่ หรือกลัวว่ายกมือถามสิ่งที่ไม่เข้าใจ หรืออยากจะตอบสิ่งที่ครูถาม จะโดนเพื่อนแอบด่าว่าโง่หรือไม่

ในวันนี้ ผู้ใหญ่เคยเป็นเด็กมาก่อนแทบจะไม่เจอสิ่งนี้ เมื่อได้เห็นพลังของนักเรียนต่างร่วมกันแสดงออกทางการเมืองอย่างชัดเจน โลกของข่าวสารข้อมูลในยุคปัจจุบัน ทุกคนสามารถหาข้อมูลได้อย่างง่ายดาย นักเรียนต่างได้ชุดความคิดเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจและสังคม และนำมาตกผลึก แสดงความคิดเห็นให้เราได้ยินได้เห็นผ่านทางคลิปการชุมนุมทั้งในโรงเรียน โดยเฉพาะที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ หรือบริเวณลานย่าโม นครราชสีมา และในอีกหลายจังหวัด ที่ผ่านมา เด็กสามารถจะพูดแยกแยะหรือคิดพิจารณาได้เอง กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมือง

Advertisement

มาที่ฝั่งนายกฯ บ้าง สัปดาห์ที่แล้วได้ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่ออกมาพูดวิจารณ์การเมือง นายกฯ ได้พูดตอนหนึ่งว่า “อยากให้ทุกคนมองว่าเด็กๆ คือพลังที่บริสุทธิ์ อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ส่วนหนึ่งอาจจะถูกชักนำ ฉะนั้น ขอให้ทุกคนมองถึงอนาคตเด็กๆ ผมเห็นหัวข้อเรียกร้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลายข้อซึ่งมีความเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะทำให้เด็กมีความคาดหวังหลายเรื่อง และผมเห็นหลายสิบข้อที่ตามมา ยกเลิกการไหว้ครู ไม่ต้องเคารพครู พ่อแม่ก็ไม่ต้องเคารพ ผมถามว่าถ้าไม่ใช่ผมแล้วเป็นคนอื่นที่เข้ามา สิ่งที่มันเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ จะมีใครแก้ปัญหานี้ได้ต่อไป นั่นหมายความว่าประเทศเราก็ล่มสลาย แกนนำ หลักการต่างๆ ของประเทศชาติทั้งหมด ล้มไปทั้งหมด สถาบันครอบครัวล้ม สถาบันการศึกษา ครู ล้มหมด นี่หรือคืออนาคต”

นั่นคือความเห็นของนายกฯ ที่พูดเป็นห่วงในฐานะผู้นำรัฐบาล แต่มีติดใจตรงที่บอกว่า ข้อเรียกร้องของเด็กถึงขั้น “ไม่ต้องเคารพครู พ่อแม่ก็ไม่ต้องเคารพ” น่าจะเป็นการป้อนข้อมูลจากทีมงานของนายกฯ หรือไม่ ที่ทำให้นายกฯ ต้องพูดออกไปเช่นนั้น หากมีการพูดทำนองนี้ออกมา ก็น่าจะทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เพราะตัวเด็กนักเรียนด้วยกันเองก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน หากจะมีคำเหล่านี้ออกมา

การชุมนุมที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการที่ผ่านมา หลายคนได้ชมคลิปหรืออยู่ในเหตุการณ์จริงก็คงจะรู้ถึงพลังของเด็กนักเรียน การแสดงออกต่อปัญหาที่พวกเขาต่างประสบมาในโรงเรียน โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง

Advertisement

ถ้าไม่คิดร้ายกันเกินไป มองโลกสองฝั่งอย่างเท่าเทียมกัน ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ก็ถือเป็นรัฐมนตรีคนแรกในรัฐบาลชุดนี้ ที่เผชิญหน้ากับเด็กนักเรียนกลุ่มผู้ชุมนุม ด้วยหนึ่งอาจจะเป็นเพราะในฐานะที่ตัวเองเป็นเจ้ากระทรวงศึกษาธิการ ตัดสินใจที่จะมาพบกลุ่มเด็กนักเรียนแล้วก็เจอเป่านกหวีดไล่ เหมือนที่ตัวเองเคยทำในฐานะแกนนำ กปปส. เจอทั้งตะโกนไล่และให้ไปต่อแถวหลัง จนในที่สุด มีการนั่งรับฟังคำพูดของเด็กนักเรียน

นับเป็นยกแรกที่น่าสนใจ สิ่งที่เด็กเรียกร้องต่อเจ้ากระทรวงในหลายเรื่อง วัดใจรัฐมนตรีกันเลยว่า จะนำไปสู่การตรวจสอบและมีการแก้ไขอย่างจริงจังหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image