มิเตอร์ปาล์ม (ภาค2) โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

เคยเขียนไปตั้งแต่ต้นปีถึงโครงการการติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันปาล์ม

ย้อนที่มาที่ไปอีกครั้ง..เมื่อ 19 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันมีมติเห็นชอบ ให้ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในถังจัดเก็บของผู้ประกอบการ ด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ โดยมีระบบเชื่อมโยงผ่านระบบสารสนเทศและประมวลผลที่เป็นเรียลไทม์ เพื่อติดตามตรวจสอบและบริหารปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในประเทศทั้งระบบ

ต่อมา ครม.มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ให้จัดสรรงบกลางดำเนินการตามโครงการดังกล่าว

แต่มาเจอพิษโควิด งบประมาณถูกดึงงบกลับไป อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ได้รับงบมาดำเนินการต่อ

Advertisement

กระทั่ง เมื่อ 5-10 สิงหาคมที่ผ่านมา กรมการค้าภายใน เปิดให้แสดงความคิดเห็น ร่างทีโออาร์ การประกวดราคาจ้างติดตั้งมิเตอร์น้ำมันปาล์ม หรือชื่อเต็มๆ ว่า โครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม ด้วยวิธีอี-บิดดิ้ง

แล้วก็มีร่างประกาศกรมการค้าภายใน เรื่อง ประกวดราคาจ้างดำเนินโครงการดังกล่าว โดยระบุราคากลางเป็นเงิน 425,179,128.20 บาท (แต่ในร่างทีโออาร์ระบุวงเงินงบประมาณรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วอยู่ที่ 368,547,300 บาท)

ผู้ที่ชนะการประกวดราคาต้องติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์วัดระดับน้ำมันปาล์มดิบในถังเก็บ, อุปกรณ์การวัดหาค่าความหนาแน่น, ชุดรับส่งสัญญาณ เพื่อรายงานข้อมูลปริมาณน้ำมันปาล์มดิบแต่ละถังส่งไปยังฐานข้อมูลกลางของกรมการค้าภายในแบบเรียลไทม์

Advertisement

ทั้งนี้ มีเอกชน 109 ราย ที่มีถังเก็บน้ำมันปาล์มดิบ ทั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ผู้ผลิตไบโอดีเซล และคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีขนาดความจุถังละ 1 พันตันขึ้นไป รวมแล้วมี 469 ถัง อยู่ใน 28 จังหวัด 61 อำเภอ 92 ตำบล ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ และต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันลงนามในสัญญา

ย้ำอีกครั้งว่าเห็นด้วยกับโครงการนี้ที่จะใช้ระบบดิจิทัล ในการตรวจวัดปริมาณน้ำมันปาล์มแทนระบบอนาล็อกเดิม ที่ให้เจ้าหน้าที่ปีนป่ายไปบนแท็งก์ยักษ์แล้ววัดปริมาตรน้ำมันปาล์มแต่ละถัง ซึ่งตัวเลขมักจะคลาดเคลื่อน และชักช้าไม่ทันการณ์ ส่งผลต่อการวางนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลรักษาระดับราคาผลปาล์มในประเทศ

ที่ผ่านมา ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเอกชนหลายแห่งจับมือฮั้วกันในการรายงานปริมาณสต๊อก บ้างก็อ้างว่ามีน้ำมันปาล์มล้นสต๊อก หรือบางทีก็อ้างว่าสต๊อกน้อยไม่พอขอนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อกดราคารับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร

แม้เป็นโครงการที่ดี แต่ก็อดห่วงไม่ได้ที่อาจทำให้โครงการนี้ต้องสะดุดลง หรืออาจไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

หนึ่ง…การติดตั้งมิเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ นั้นต้องไปติดตั้งกับถังน้ำมันปาล์มที่เป็นทรัพย์สินของภาคเอกชน จะใช้อำนาจตามกฎหมายอะไรไปบังคับให้เอกชนต้องยอมติดตั้งมิเตอร์

ได้ข่าวว่าเอกชนฮึ่มๆ จะไม่ยอมให้เข้าไปติดตั้งมิเตอร์เพราะเท่ากับปิดประตูการใช้เล่ห์กลสต๊อกเพื่อกดราคารับซื้อผลปาล์ม

หนึ่ง…ข่าวลือสะพัดเรื่องการฮั้ว และค่าหัวคิว 30% ซึ่งข่าวลือมีตั้งแต่แรกๆ ที่จะเริ่มโครงการ ว่ากันว่าคนที่เดินเกมอยู่แถวๆ บางบัวทอง แต่ล่าสุดเปลี่ยนคนเดินเกมใหม่อยู่แถวพุทธมณฑล

ทั้งนี้ ผู้ที่เสนอราคาจะเป็นเอกชนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ร่วมกับเอกชนที่ทำระบบซอฟต์แวร์

ซึ่งบริษัทด้านซอฟต์แวร์มาจากค่ายยุโรป 2 บริษัท และจากอเมริกา 1 บริษัท

คาดว่าจะมีการเสนอราคากัน 3 กลุ่ม แต่ข่าวสะพัดว่า 2 กลุ่มมีการตกลงฮั้วกันแล้ว แถมแอบทำสัญญาที่จะไม่เปิดเผยความลับของข้อตกลงที่ฮั้วกัน โดยทำทีว่าเสนอราคาแข่ง แต่สุดท้ายก็หลีกทางให้กัน

ต้องฝากให้ จุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ เคลียร์ให้ชัด ไม่อยากให้โครงการต้องสะดุด หรือมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น เดี๋ยวคะแนนเสียงที่ทำบวกไว้จะกลายเป็นติดลบ

แล้วก็อยากจะให้เรื่องมิเตอร์น้ำมันปาล์มจบแค่ภาค 2 นี้ ไม่มีภาคต่ออีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image