ตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งปิด “เหมืองทองอัครา” นั้นดูจะคึกคักอักโขฮึกเหิมห้าวหาญนัก
“เหมืองทองอัครา” ถือประทานบัตรครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ มีบริษัทคือ
คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ประเทศออสเตรเลีย ถือหุ้นใหญ่ ถูกปิดตั้งแต่ปี 2559
ตอนนั้นหลายคนยังเห็นว่า “นายกรัฐมนตรี” และ “หัวหน้า คสช.” ไม่น่าจะผลีผลามใช้อำนาจ “ม.44” ถ้ามีกรณีอื่นที่เกี่ยวข้องสงสัย เช่น ข้าราชการหรือนักการเมืองรับสินบนก็ควรดำเนินการตามกฎหมายปกติ
ที่สุดเป็นไปตามคาด บริษัท คิงส์เกตฯ ฟ้องให้ไทยชดใช้ค่าเสียหาย 3-4 หมื่นล้านบาท ฐานละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)
ในท่ามกลางความวิตกกังวลจากคดีที่สู้กันอยู่ในชั้นพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศว่าประเทศไทยจะต้อง “เสียค่าโง่” อีกหรือไม่นั้น “ประยุทธ์” เสียงแข็งว่า “ผมจะรับผิดชอบเอง”
คล้ายกับมั่นใจว่าโลกต้องหมุนรอบ “กระบอกปืน” !
เมื่อประยุทธ์ปากกล้าปากดี จึงมีคำถามว่า “ผม” ที่ว่าจะรับผิดชอบเองนั้นเป็นใคร
เป็น “ผม-ประยุทธ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือ “ผม-ประยุทธ์” ในฐานะหัวหน้า คสช.ผู้นำรัฐประหาร
ลำพังนาม “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร ถ้า “ไม่มีอำนาจพิเศษ” ตาม “ม.44” ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 อันเป็นผลผลิตของรัฐประหาร
แต่จนถึงวันนี้ในเวทีการเมืองก็ยังมีข้อสงสัยว่า “ประยุทธ์” เป็นใคร
บางขณะองค์กรผู้มีหน้าที่ชี้ขาดก็ว่า “ประยุทธ์” เป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ”
แต่บางโอกาสก็ว่า “ไม่ใช่”
เคยคิดเหมือนกันว่า ใครกันที่ใช้อำนาจ ม.44 สั่งย้ายข้าราชการกราวรูดครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งแม้ผลสอบสวนจะออกมาว่า “คนถูกย้าย-ไม่ผิด” คนสั่งย้ายก็ไม่เคยต้องโทษอาญา ไม่เคยถูกสอยร่วงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
คนที่ใช้อำนาจ ม.44 อาจจะไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่รัฐ” จึงเอาผิดไม่ได้ !
กระทั่งได้มาเห็น “การตั้งงบค่าใช้จ่าย” เพื่อดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด จำนวน 111 ล้านกว่าบาท จึงทำให้นึกถึงคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่ว่า
หัวหน้า คสช.ไม่ได้เป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ”
และ “ประยุทธ์” ก็ไม่มีลักษณะต้องห้ามในการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
“ประยุทธ์” เป็นใครกันแน่
ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐแล้วจะเอา “เงินแผ่นดิน” กว่า 111 ล้านบาท ไปใช้สู้ “คดีเหมืองทองอัครา” ได้อย่างไร !?!!