ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ มีความจำเป็นต้องให้ความสนใจต่อปรากฏการณ์ “นักเรียนเลว”
แม้ว่าจะไม่ชอบ แม้ว่าจะหงุดหงิด
ไม่เพียงเพราะว่า การปรากฏตัวของพวกเขาสัมพันธ์กับ 1 สถานการณ์รัฐประหาร และ 1 สถานการณ์การสืบทอดอำนาจ
หากแต่เนื่องจากพวกเขา คือ อนาคต
และที่สำคัญเป็นอย่างมาก อุบัติแห่งปรากฏการณ์ “นักเรียนเลว” เป็นผลสะเทือนมาจากการยึดครองอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง
แม้ว่าปัญหา “ทรงผม” ปัญหา “เครื่องแบบ” จะดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน
แต่ก็ต้องยอมรับว่า พวกเขาได้ตื่นตัวและออกมาแสดงออกอย่างเปิดเผยในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คุมกระทรวงศึกษาธิการ
แม้ว่าในห้วงที่เกิด “แฟลชม็อบ” ภายหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะมี “นักเรียน” เข้าร่วมอยู่บ้าง
ไม่ว่าที่ “เกียมอุดม” ไม่ว่าที่ “ศึกษานารี”
กระนั้น การเข้าร่วมก็ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของรุ่นพี่ซึ่งเป็นนิสิตนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นของธรรมศาสตร์
แต่ที่ปรากฏในเดือนสิงหาคม 2563 ถือว่า “เหลือเชื่อ”
หลังการชุมนุมของ “เยาวชน/ประชาชนปลดแอก” ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในคืนวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม
เช้าวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม ก็เกิด “อาฟเตอร์ช็อก”
เห็นได้จากการร่วมกัน “ชู 3 นิ้ว” ระหว่างเคารพและร้องเพลงชาติ เห็นได้จากการร่วมกันติด “โบขาว” ต่อต้านเผด็จการ
ไม่เพียง 1 หรือ 2 หากเป็นสิบ-สิบ
เพียง 3 วันจาก “อาฟเตอร์ช็อก” ก็นำไปสู่การรวมตัวของ “นักเรียนเลว” บริเวณข้างกระทรวงศึกษาธิการในวันพุธที่ 19 สิงหาคม
นำไปสู่เสียงร้องตะโกน “ไปต่อแถว ไปต่อแถว” ดังกระหึ่ม
เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังสร้างเครือข่ายขึ้นอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การจัดชุมนุม “นักเรียนเลว” หนที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 5 กันยายน
เปิด “ดีเบต” กับ “รัฐมนตรี”
ครานี้มิได้ดำเนินในลักษณะ “เป็นไปเอง” หากแต่มีการจัดตั้งและร่วมมือเป็นภาคีมากกว่า 30 โรงเรียน ประกาศแต่งเครื่องแบบออกมาแสดงพลัง
จัดตั้งอย่างหลวมๆ เป็นไปโดย “อัตโนมัติ”
เป้าหมายแรกอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ เป้าหมายอย่างแท้จริงอยู่ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันเป็นโครงครอบใหญ่อีกทอดหนึ่ง
ต่อสู้กับ “รัฐราชการรวมศูนย์” โดยตรง
เมื่อเงาสะท้อนแห่งความเป็นจริงของ “นักเรียนเลว” ปรากฏออกมาอย่างนี้ย่อมเป็นสัญญาณเตือนอันแหลมคมยิ่งในทางความคิด ในทางการเมือง
สัญญาณถึงความคิดอันเคยเป็น “อำนาจนำ”
สัญญาณบ่งบอกว่าการตั้งคำถามต่อความเชื่อเก่าแก่และดั้งเดิมได้เริ่ม “สั่นคลอน” และเป็นการตั้งคำถามมาจาก “นักเรียน” โดยตรง
นักเรียนอันเป็น “เหยื่อ” ของการกดทับในทาง “ความคิด”