โปรดให้คำตอบ ระหว่าง 2 เหตุที่เคยเกิดขึ้น

ผ่านเหตุการณ์ “6 ตุลา 19” มา 3 วัน อีก 5 วันย้อนกลับเข้าสู่เหตุการณ์ “14 ตุลา 16” บรรยากาศการชุมนุม เรียกร้อง “รัฐธรรมนูญ” การเลือกตั้ง และ “ประชาธิปไตย” ยังไม่ไปถึงไหน

วันนี้ดูเหมือนว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพยายามใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลบเกลื่อนสถานการณ์ให้เบาบาง เพื่อคลี่คลายความร้อนแรง ความรุนแรงที่มีความพยายามจากบางฝ่ายให้ลดระดับลงเพื่อเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยให้จงได้

ขณะที่รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะผ่อนปรนความร้อนแรงนั้นจากการพยายามชักฟืนออกจากกองไฟทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นกองไฟจากเหล่าบรรดานักเรียน นักศึกษา เยาวชนต่อต้านเผด็จการ หรือจากกลุ่มประชาชนต่อต้านเผด็จการ ทั้งยังพยายามไม่สร้างสถานการณ์ที่จะนำไปสู่ความรุนแรงในทุกรูปแบบ

วันนี้ น่าจะผ่านการชุมนุมหรือการอภิปรายเรื่องเหตุวันที่ 6 ตุลา 19 ซึ่งผ่านมา 44 ปีแล้ว นับเป็นครึ่งทางของการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

Advertisement

เมื่อย้อนหลังไปถึงเหตุ 14 ตุลา 16 คงไม่มีเหตุอะไรที่จะย้อนไปสู่สถานการณ์ 14 ตุลา 16 แม้จะเป็นการเรียกร้อง “รัฐธรรมนูญ” ซึ่งวันนี้มีอยู่ เพียงแต่ยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ หรือเป็นที่พอใจของประชาชนบางหมู่เหล่า อาทิ การมีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของคณะผู้ก่อการรัฐประหาร มิใช่มาจากการเลือกตั้งเช่นครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

เหตุ 14 ตุลา 16 กับเหตุ 6 ตุลา 19 น่าจะเป็นสองเหตุที่เป็นบทเรียนสำคัญของคนรุ่นนี้ ผ่านคนรุ่นที่เคยเจอทั้งสองเหตุให้มาทบทวนถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดเหตุทั้งสองนั้น แล้วนำมาสู่การปรับเปลี่ยนความคิดกับการกระทำมิไห้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำสอง และควรจะเป็นการนำส่วนที่ดีมาเป็นบทเรียนหรือปรับใช้ นำส่วนที่ทำให้เกิดความเสียหายทิ้งไปเสีย

วันนี้ ผู้ที่เคยผ่านหรือรับรู้เหตุเปลี่ยนแปลงการปกครองคงจะเหลือความทรงจำไม่กี่มากน้อย และความทรงจำนั้นคงจะถูกความรู้ใหม่ สถานการณ์ใหม่ปรับเปลี่ยนไปมากแล้ว เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในเหตุ 14 ตุลา 16 ทั้งก่อนและหลัง รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุ 6 ตุลา 19 กับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะความเลวร้าย อาจจะไม่สามารถลบล้างความรู้สึกจากผลกระทบนั้นออกไปได้ แม้แต่ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น

Advertisement

กระนั้น กาลเวลาทำให้ผู้ที่ยังอยู่ทุกวันนี้ประคับประคองชีวิตจิตใจจากผลกระทบวันนั้น มาถึงวันนี้ นับว่าคลี่คลายความรุนแรงลงไปได้มากแล้ว

เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนต้องปรับเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย ความอาฆาตแค้นคงจะมลายหายไปมาก ทั้งเชื่อว่าคนรุ่นนั้นและรุ่นนี้ต้องการให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีกว่าวันนั้น รวมไปถึงต้องการให้ได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ในความเป็นประชาธิปไตย เช่นเรียกร้องมายาวนาน เพื่อให้เป็นดังนานาอารยประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามความเข้าใจเพื่อให้ปฏิบัติเหมือนที่รับรู้และเป็นจริง

หากรัฐบาลอันมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจในหลายเรื่องที่ประชาชนเรียกร้อง โดยไม่คำนึงถึงการ “เสียหน้า” รวมถึงสมาชิกรัฐสภา อันประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสมาชิก เช่นยินดีที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นรายมาตรา หรือทั้งฉบับ โดยเฉพาะหน้าที่ของวุฒิสมาชิก ไม่มีการเลือกนายกรัฐมนตรี

เชื่อว่าความสงบเรียบร้อยน่าจะเกิดขึ้นในหมู่ประชาชนที่มีความเป็นกลาง ไม่มากก็น้อยยินดีที่จะรับความคิดเห็นนั้น ทั้งจากนายกรัฐมนตรี และสมาชิกรัฐสภา โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลแห่งชาติ

เพราะระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่จะคล้อยตามไปทุกเรื่อง หลายเรื่องที่ขัดแย้ง กับหลายเรื่องที่เห็นต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้บางเรื่องเห็นด้วย แต่อีกบางเรื่องไม่เห็นด้วย ย่อมเป็นวิถีทางประชาธิปไตยทั้งสิ้น

หากเป็นเช่นนี้ แม้ต้องการเวลาสักปีสองปี ย่อมเป็นไปได้ และไม่มีใครคัดค้านแน่นอน

เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image