ผลของเมตตา

ท่านพระอาจารย์หลวงปู่ทิวา อาภากโรอุปมาเมตตามหานิยมเสมือนเมฆฝน

ของขลังที่มีเมตตามหานิยมเป็นเมฆ จิตที่มีเมตตาเป็นบรรยากาศความชื้น เมื่อมีเมฆผ่าน ความชื้นที่มีจะทำให้เกิดสายฝนโปรยลงมาได้ จึงต้องสร้างเมตตาให้มีในจิต ไม่พึ่งอาศัยของขลัง

ชาวพุทธมีบทแผ่เมตตาให้ใช้หลายบทเช่นบทสัพเพสัตตาฯ และบทเมตตาอัปปมัญญา การปฏิบัติมีความเป็นลำดับที่เหมาะตามความตั้งมั่นของสมาธิจิต

บทเมตตาอัปปมัญญาเป็นบทแผ่เมตตาแบบยาวที่สามารถอาศัยในการภาวนาต่อเนื่องจนถึงขั้นสูง มีการแผ่เมตตาต่อตนเอง ผู้ที่เป็นที่รัก ที่ไม่รักไม่ชังและที่ชังเป็นลำดับ เมื่อเมตตาจิตไม่แยกบุคคลทั้งสามประเภทและเสมอกับตนเองด้วยแล้ว จิตก็จะมีเมตตาที่สูงยิ่งขึ้น

Advertisement
จิตรกรรมฝาผนังโบสถ์วัดบางยี่ขัน
สุวรรณสามชาดก ฝีมือครูคงแป๊ะ
สติช่วงสุดท้ายระลึกถึงการบำรุงมารดาบิดา ปราศจากความโกรธพยาบาท

หลวงปู่ทิวา อาภากโรแนะนำให้เจริญเมตตาที่มีความเสมอกันจนมีเมตตาเป็นอัตโนมัติ ท่านอธิบายว่าขั้นแรกเป็นการแผ่ให้กับตนเองและบุคคลประเภทต่างๆ อย่างเสมอกันซึ่งจะทำให้จิตมีเมตตา ขั้นที่สองเป็นการแผ่แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายออกไปรอบทิศทางและขยายขอบเขตออกไปอย่างไม่จำกัด ขั้นนี้ทำให้จิตมีพลังในสมาธิ ขั้นที่สามเป็นการทำให้จิตมีภวังค์อยู่ในเมตตาซึ่งเป็นการพักจิตและมีสุขเป็นวิหารธรรม

ส่วนการแผ่เมตตาที่มีบทสั้นหรือสั้นมากๆ ก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง กระทำได้ตลอดเวลาและในทุกอิริยาบถ เมตตาในวิถีจิตหนึ่งๆ เมื่อออกจากโทสะและความเศร้าหมองก็จะมีคุณค่าอย่างมาก

ชาวพุทธใช้ชีวิตปกติด้วยเมตตา การสวดมนต์และพิธีไหว้พระมีบทแผ่เมตตาและบทสัพพมงคลคาถา     (ภวตุสัพฯ) ซึ่งสำคัญยิ่ง การทำบุญกุศลจะมีการแผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศลด้วยเสมอ การสวดเป็นการท่องบริกรรมซึ่งช่วยให้จิตน้อมเข้าสู่ความสงบด้วย

Advertisement
เทวดาบูชาพระพุทธคุณด้วยช่อปาริชาตดอกไม้สวรรค์
โบสถ์เก่าวัดป่ากลางทุ่ง ปทุมธานี สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

การอบรมปฏิบัติธรรมจะมีการกำหนดให้ต้องแผ่เมตตาด้วยเช่นกัน การฝึกฝนเมตตาภาวนาอาจแตกต่างบ้างแต่ต่างอยู่บนหนทางเดียวกัน สายวัดมหาธาตุโดยท่านเจ้าคุณโชดก ญาณสิทธิมีการสวดเมตตาในพิธีกรรมฐาน ท่านให้ละโทสะ มีขันติแล้วใช้บทสัพเพสัตตาฯ แผ่เมตตาไปยังทิศต่างๆ

ในสายอานาปานสติของท่านอาจารย์อูบาขิ่น-โกเอ็นก้าจะต่อท้ายการปฏิบัติธรรมด้วยการแผ่เมตตาสั้นๆ ให้สรรพสัตว์มีความสุขและหลุดพ้นทั่วกัน

สำนักวัดป่าของไทยสืบทอดวิธีปฏิบัติแบบจตุรารักขกรรมฐานซึ่งมีเมตตาภาวนาเป็นหลักประการหนึ่ง จึงมีการเจริญเมตตาพรหมวิหารเป็นปกติและอาจมีการใช้บทแผ่เมตตาที่ยาว

หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโมกำหนดตารางเวลาให้พระภิกษุเดินจงกรม ไหว้พระ เจริญเมตตาพรหมวิหารแล้วต่อด้วยสมาธิภาวนา ปฏิบัติในช่วงเช้ามืด ก่อนจำวัดหัวค่ำและอีกครั้งหลังเที่ยงคืน

พระพรหมและดอกไม้ของพระพรหม
โบสถ์วัดใหญ่สุวรรณาราม เพชรบุรี
อาจถึงสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ
(รศ.ดร.กิติเชษฐ์ ศรีดิษฐ ให้ความรู้ว่าด้านขวาบนคือดอกกุหลาบพันปี)

สำนักสมถวิปัสสนาที่สืบทอดมาจากกรุงเก่ามีการแผ่เมตตาท้ายการภาวนา หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญแห่งวัดสะแกสอนให้แผ่เมตตาเมื่อถอนออกจากสมาธิแล้วต่อด้วยการพิจารณาธรรม หลวงพ่อฤๅษีฯ แห่งวัดท่าซุงก็แนะนำอย่างเดียวกัน

การแผ่เมตตาจึงกระทำได้ตลอดเวลาและในทุกระดับสมาธิ การสวดบทแผ่เมตตาเป็นบริกรรมภาวนา เกิดขณิกสมาธิ การแผ่เป็นการน้อมจิตให้กระจายออกไปซึ่งช่วยประคองสมาธิ เมตตาภาวนาที่หยั่งลงในจิตจะเกิดอัปปนาสมาธิ เมตตาพรหมวิหารปกติเจริญได้ถึงรูปฌาน

เมตตาจิตที่มีความสงบมากและหลุดพ้นจากความพยาบาทคือเมตตาเจโตวิมุติ การแผ่ออกไปอย่างไม่มีประมาณและตลอดโลกจะเป็นเมตตาอัปปมัญญา จิตสงบถึงอรูปฌาน

ยิ่งเมตตาจิตเกิดในสมาธิที่สูงและห่างจากกิเลส เมตตาจิตที่แผ่ออกไปก็ยิ่งส่งผลมาก

วิทยาธรฝรั่งเศสแห่พานขนม
ร่วมสรรเสริญพระพุทธคุณ
โบสถ์วัดเกาะแก้วสุทธาราม เพชรบุรี สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

จิตที่เป็นเมตตาเจโตวิมุติเป็นจิตที่มีเมตตาสูงยิ่ง จิตสงบถึงฌาน การแผ่เมตตาออกไปอย่างไม่จำกัดย่อมมีอานิสงส์สูงมาก เมตตาในระดับของความนึกคิดและการสวดบริกรรมไม่อาจเทียบเท่า

ในเมตตาสูตร อานิสงส์ของเมตตาภาวนามีระบุไว้ 11 ประการ ได้แก่ (1) หลับเป็นสุข (2) ตื่นเป็นสุข (3) ไม่ฝันร้าย (4) เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย (5) เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย (6) เทวดารักษา (7) ไฟ ยาพิษหรือศัสตราไม่่กล้ำกราย (8) จิตตั้งมั่นได้เร็ว (9) สีหน้าสดใส (10) ไม่หลงลืมสติตาย และ (11) ถ้ายังไม่บรรลุอรหัตตผลย่อมเข้าถึงพรหมโลก

เมตตาภาวนาจะให้อานิสงส์ทั้งหมดนี้ได้ตามกำลังของการปฏิบัตินั้นๆ ความรับรู้ถึงอานิสงส์ของเมตตาจะมีประโยชน์มากต่อพฤติกรรมของบุคคลและสังคม

เมตตาเป็นความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขและไม่อยู่ในกองทุกข์เช่นไม่มีทุกข์โศกโรคภัยเป็นต้น นี้รวมไปถึงความปรารถนาให้สรรพสัตว์สามารถหลุดพ้นด้วย เมตตาจิตไม่มีพยาบาทในสมาธิ มีแต่ความสุขความปรารถนาดี การแผ่ออกไปย่อมได้รับความสุขความปรารถนาดีทั่วกัน

ส่วนแรกเป็นความรู้สึกที่มีความสุข ผู้แผ่จึงย่อมหลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุขและไม่ฝันร้าย

ส่วนที่สองมาจากผลสะท้อนกลับของความรู้สึกทางบวกที่ผู้อื่นได้รับโดยปกติจะมีปฏิกิริยาในทำนองเดียวกัน ความมากน้อยขึ้นอยู่กับคุณภาพจิตของตนและผู้คนที่เกี่ยวข้องว่าเป็นอย่างไร

ผู้ที่มีเมตตาจะไม่ประทุษร้ายและจะไม่ใช้ให้ผู้ใดกระทำสิ่งนั้นแทนตน เมื่อถูกให้ร้ายหรือทำร้ายก็ไม่ให้ร้ายหรือทำร้ายตอบ โอกาสของความรุนแรงจึงลดลง เมื่อผู้ใดมีเมตตา ผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะได้รับบรรยากาศแห่งความสุขซึ่งเท่ากับช่วยรักษาอารมณ์ของผู้อื่นในขณะเดียวกัน

กระแสของเมตตาทั้งในระดับของจิตและพฤติกรรมที่สืบเนื่องกันจึงมีผลต่อความสัมพันธ์ทางสังคม สังคมรอบข้างย่อมมีความสุขสงบและมีมิตรไมตรีตามไปด้วย

เมตตารวมทั้งความกตัญญูเป็นความดีงาม การภาวนาที่ระลึกถึงเมตตาและกตัญญูจึงเป็นสุภกรรมฐาน การแผ่เมตตาเริ่มที่มารดาบิดาและผู้มีพระคุณก่อนผู้ใกล้ชิดและผู้อื่นจากนั้นจึงขยายวงออกไปทั้งประเภทบุคคลและสัตว์โลกที่มองไม่เห็น จิตที่ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขและพ้นทุกข์นั้นย่อมเป็นที่สรรเสริญ

แม้ว่าเทวดาและอมนุษย์จะมิได้จัดอยู่ในภพของมนุษย์ซึ่งโลกสมัยใหม่ถือเป็นเรื่องเหนือจริง การแผ่เมตตาต่อเทวดาและอมนุษย์ก็จะช่วยให้รู้สึกมั่นคงปลอดภัยและไม่หวาดระแวง เทวดาและอมนุษย์ที่รับรู้ได้ย่อมมีสาธุการด้วย

พระพุทธองค์ตรัสว่าผู้ที่เจริญเมตตาเจโตวิมุติจะเป็นผู้ที่อมนุษย์กำจัดได้ยาก

สำหรับความศรัทธาเรื่องเทวดาและอมนุษย์ บางรายมีจิตที่โลดโผนอาจมีประสบการณ์ทางจิตที่โลดโผนตาม ยากที่จะบอกได้ว่าสิ่งที่สัมผัสนั้นจริงหรือไม่อย่างไรเพราะเป็นประสบการณ์และการตีความเฉพาะบุคคล

อย่างไรก็ตาม บุคคลจำนวนมากมักส่งจิตออกไปเห็นสิ่งที่ไม่มี บ้างสัมผัสสิ่งที่พิเศษจริงเช่นกลิิ่นหอมประ ณีตเป็นต้น การสัมผัสนี้มาจากจิตที่สงบ ย่อมไม่อาจมาจากจิตที่กังวลสงสัย

การแผ่เมตตานั้นเป็นการสละสุขให้สัตว์โลกอย่างเสมอกัน จึงไม่ควรติดใจว่าเทวดาและอมนุษย์อย่างเช่นนักสิทธิ์ วิทยาธร เปรตหรืออสุรกายมีจริงหรือไม่และจะรับกระแสจิตได้อย่างไร

สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ตรัสแก่พระมาลุงกยบุตรว่าเมื่อต้องลูกศรมีพิษพึงมุ่งรักษา ไม่มัวถามว่าผู้ยิงมีวรรณะใด ผิวสีใด อยู่ที่ไหน เกาทัณฑ์เป็นเช่นไรหรือว่าตนต้องรู้จักลูกศรให้ดีเสียก่อน

เมตตาภาวนาทำให้จิตเข้าถึงฌาน จิตมีความสงบและความสุข ความปรารถนาดุจไฟ ความโลภดุจพิษและความโกรธดุจศัสตราย่อมเสื่อมดับในใจตน ร่างกายได้รับประโยชน์จากจิตที่พัฒนาไป ศัตรูได้เห็นไมตรี ผู้ที่มีอารมณ์โกรธพยาบาทก็อาจรับรู้ถึงกระแสเมตตาของผู้อื่น

ปฏิกิริยาที่เป็นความรุ่มร้อน การแก่งแย่งให้ร้ายและการโกรธแค้นก็จะเบาบางลงด้วย

การแผ่เมตตาเป็นการน้อมจิตที่นำพาไปในสมาธิ การปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอและมีการเจริญเมตตาร่วมด้วยจะทำให้จิตสงบ ไม่กังวลและตั้งมั่นได้อย่างรวดเร็ว

ในพระสูตรมีกล่าวถึงผิวพรรณสีหน้าที่สดใสซึ่งชี้ว่าพุทธสาวกที่อยู่ในวิหารธรรมอันละเอียดปกติมีอินทรีย์ที่ผ่องใส ดังเช่นที่พระสารีบุตรทักพระโมคคัลลานะและพระอนุรุทธเป็นต้น เมตตาภาวนาเป็นภาคสมถะ ผู้ที่เจริญเสมอๆ มักมีจิตที่สงบ ไม่เครียดและมีการพักผ่อนทางสมอง มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบการเจริญเมตตาว่ามีผลที่ช่วยลดระดับของสารความเครียดในร่างกายและมีผลต่อความถี่ของคลื่นสมองซึ่งสัมพันธ์กับการพักผ่อนนอนหลับด้วย

เมตตาจิตเป็นจิตแห่งความสุขจึงมีผลดีต่อร่างกาย การตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนับว่าพบความสัมพันธ์นั้นบ้างแล้ว

การไม่หลงลืมสติตายเป็นผลมาจากการเจริญภาวนา เกิดขึ้นในกระบวนการปฏิบัติทางจิตที่มีสติสัมปชัญญะ สติที่เท่าทันจะมีความสมบูรณ์มากขึ้นตามสมาธิจิต เมื่อถึงวาระสุดท้ายสติที่เท่าทันและสมบูรณ์จะช่วยให้จิตตั้งมั่น เมตตาจะทำให้จิตไม่เพ้อและจากไปด้วยความสุขสงบ

หลวงปู่ทิวา อาภากโรกล่าวว่า ผู้ที่เจริญเมตตาเป็นประจำจะจากโลกไปโดยไม่ทุกข์ ไม่แย้งกับความตาย การยอมตายที่มีจิตลึกจะไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูง ถ้าปฏิบัติไม่ถึงนิพพานก็ไปพรหมโลก ถ้าสมาธิไม่ถึงก็ไปสวรรค์ ท่านแนะนำว่าเมตตาภาวนาเป็นบารมีที่ต้องสร้าง

ในอนุรุทธสูตร พระอนุรุทธตอบคำถามพระเถระเรื่องเทวดามีรัศมีแตกต่างกันว่าเป็นเพราะเมื่อครั้งเป็นมนุษย์มีการน้อมใจแบบมหัคคตะที่แตกต่างกันในความบริสุทธิ์และขอบเขตของการแผ่

เมตตาอัปปมัญญาเป็นการแผ่ที่สามารถพาจิตผ่านรูปฌานไปจนถึงอรูปฌานที่ 2 ถ้าเจริญถึงขั้นอุเบกขาอัปปมัญญาซึ่งไม่ทุกข์ไม่สุขหรือว่างจากอารมณ์ของเมตตาก็จะพาจิตไปถึงอรูปฌานที่ 3

จิตที่อยู่กับรูปฌานและอรูปฌานเป็นการเข้าถึงรูปพรหมและอรูปพรหม พรหมเป็นชั้นต่างๆ ของจิตที่สูงและละเอียดกว่าภพภูมิของเทวดา ถ้าปฏิบัติไปยังไม่ถึงขั้นบรรลุธรรม จิตจะอยู่ที่ภพของพรหมซึ่งมีชั้นพรหมสุทธาวาสสำหรับพระอนาคามี

แม้ยังไม่ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ความสุขอันประณีตจะเกิดกับตน ความหอมแห่งเทพและพรหมที่ไม่เคยสัมผัสได้ก็จักได้สัมผัส ความรับผิดชอบและอริยทรัพย์ที่ไม่เคยรู้จักจะได้รู้จัก

เมตตามหานิยมที่ให้เท่ากับเมตตามหานิยมที่มี

ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image