เจ้าพ่อ ธุรกิจ และการเมืองแบบพม่า เรื่องราวของจ่อ มยิ้น

ก่อนการเลือกตั้งพม่าจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มีความวุ่นวายหลายอย่างที่เกิดขึ้น หลายคนคาดการณ์ว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ คงไม่ง่ายนักที่การเลือกตั้งครั้งนี้จะบริสุทธิ์ยุติธรรมทั้งหมด เพราะพรรคการเมืองประสบปัญหาด้านการหาเสียง แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งของพม่าก็เคร่งครัดมากจนถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคขนาดใหญ่มากกว่าพรรคเล็กๆ ในช่วงเดือนเศษที่ผ่านมานี้ ยังมีข่าวที่จะว่าแปลกก็แปลก แต่มองอีกมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับการเมืองแบบพม่า ที่เต็มไปด้วยนักการเมืองคนมีสี เป็นนักธุรกิจ เจ้าของธุรกิจผิดกฎหมาย และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในกองทัพ

ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ชื่อของหัวหน้าพรรค United Democratic Party (UDP) หรือที่เรียกกันติดปากว่า “พรรคกุหลาบ” (Rose Party) อู จ่อ มยิ้น (U Kyaw Myint) หรือไมเคิล จ่อ มยิ้น หรือเมย์ฟลาวเวอร์ จ่อ มยิ้น นักธุรกิจพม่าเชื้อสายจีนจากรัฐฉาน ปรากฏในสื่อทุกสำนักในพม่า ประสบการณ์ด้านธุรกิจของจ่อ มยิ้นมียาวเหยียด เพราะเขาเคยเป็นประธานบริษัทหลายแห่งทั่วอาเซียน รวมทั้งเคยเป็นเจ้าของโรงเลื่อยแห่งหนึ่งในไทยด้วย ว่ากันว่าจ่อ มยิ้นมีคอนเน็กชั่นอย่างดีกับคนในรัฐบาล ไม่เว้นแม้แต่นายพลหม่อง เอ อดีตเบอร์ 2 ในกองทัพ/รัฐบาลพม่ายุค SPDC และยังเกี่ยวข้องกับเส้นทางการผลิตและลำเลียงฝิ่นและเฮโรอีน เขาเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าพ่อควบคุมกองกำลังที่ทำหน้าที่คุ้มครองธุรกิจผลิตฝิ่น-เฮโรอีนในพม่า และยังช่วยเหลือกองทัพรวมแห่งรัฐว้า (UWSA) เพื่อฟอกเงินที่ได้จากการขายยาเสพติด เมื่อ UWSA ทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าในทศวรรษ 1990 องค์กรต้องส่งคนที่ไว้ใจได้ไปประจำที่ย่างกุ้ง จ่อ มยิ้นคือตัวแทนของ UWSA ที่ถูกส่งไป และนับแต่นั้นมา เขาก็กลายเป็นที่รู้จักในแวดวงนักการเมืองและกองทัพ ต่างจากนักธุรกิจผิดกฎหมายคนอื่นๆ ที่เลือกจะใช้ชีวิตแบบโลว์โปรไฟล์

จ่อ มยิ้นเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในพม่า ประเมินว่าเขาน่าจะมีทรัพย์สินรวม 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 1998 เขาเคยถูกตัดสินให้จำคุก 9 ปีมาแล้ว ในข้อหาละเมิดกฎหมายธุรกิจพม่าและการฟอกเงิน และยังอยู่ในบัญชีดำของรัฐบาลพม่ายุค SPDC จ่อ มยิ้นใช้ชีวิตในเรือนจำเกือบ 1 ปี ก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลแบบเร่งด่วน และหนีออกมาจากเรือนจำได้ คาดกันว่าเขาติดสินบนเจ้าหน้าที่เรือนจำ และหนีออกจากพม่าผ่านชายแดนไทย และหลบหนีต่อไปสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เขาเคยถูกรัฐบาลแคนาดาสั่งปรับในข้อหาการใช้ข้อมูลภายใน (insider trading) ถึง 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ จ่อ มยิ้นตั้งพรรค UDP ที่แคนาดาในปี 2007 จากนั้นก็ย้ายไปตั้งรกรากที่จีนชั่วคราว และกลับมาพม่าอีกครั้งในปี 2014 พร้อมเงินอีกจำนวนหนึ่งหลังตั้งบริษัทนำเข้าสินค้าจากจีนกลับไปพม่า

พรรค UDP นั้นเป็นพรรคใหม่ แต่หากพิจารณาปริมาณผู้สมัคร พรรคของจ่อ มยิ้นเป็นรองแค่พรรค NLD ของด่อ ออง ซาน ซูจี เท่านั้น หากไม่ถูกตัดสิทธิ พรรค UDP จะมีผู้สมัครถึง 1,143 คน ในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน เรียกว่าครอบคลุมแทบทุกเขตเลือกตั้งในพม่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งในปี 2010 และ 2015 พรรค UDP ก็ส่งสมาชิกพรรคจำนวนมากลงชิงชัยเช่นกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้ที่นั่งในสภากลับมาเลย

Advertisement

วีรกรรมของจ่อ มยิ้นเป็นที่ซุบซิบนินทากันในร้านน้ำชาพม่ามานานแล้ว แต่คำถามคืออดีตของจ่อ มยิ้นเพิ่งจะมาถูกเปิดโปงในช่วงก่อนเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เขาหลบหนีออกจากเรือนจำในพม่าตั้งแต่หลายสิบปีก่อน จ่อ มยิ้นเป็นเพียงนักธุรกิจ-นักการเมืองคนหนึ่งในหลายๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพม่า เขาเป็นเพียงคนหนึ่งบนยอดภูเขาน้ำแข็งของอาชญากรในแวดวงธุรกิจพม่า มีผู้กล่าวว่าหากคุณเป็นนักธุรกิจ และต้องการอยู่รอดปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจผิดกฎหมายใดๆ ก็ตาม ขอแค่มีคอนเน็ก
ชั่นที่ดีกับนักการเมืองและคนในกองทัพพม่า และต้องไม่ยุ่งการเมือง ก็เพียงพอแล้ว สำหรับจ่อ มยิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจใช้เงินมหาศาลลงทุนไปกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งการโปรโมตพรรค และการหาผู้สมัครมาได้นับพันคน ทั้งๆ ที่พรรคมีโอกาสน้อยมากที่จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ดังที่เคยกล่าวไปในสัปดาห์ก่อนๆ ว่าพม่ามีพรรคการเมืองจำนวนมากก็จริง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ลงคะแนนให้เพียงพรรค NLD, USDP (พรรคนอมินีของกองทัพ) และพรรคของกลุ่มชาติพันธุ์ เท่านั้น

Frontier นิตยสารวิเคราะห์การเมืองพม่ามองว่าบางทีจ่อ มยิ้น (ที่ปัจจุบันมีอายุ 75-76 ปีแล้ว) อาจต้องการวางแผนระยะยาว และมีนโยบายประชานิยมชัดเจน เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าหากพรรคของเขาได้รับการเลือกตั้งเข้าไป “ส่งผมเข้าคุกได้เลย หากคุณไม่เห็นความก้าวหน้าใดๆ ใน 5 ปี” จ่อ มยิ้นเหมือนตัวละครลึกลับในนิยายของจอร์จ ออร์เวลล์ มีบางคนที่มองว่าเขาน่าจะเป็นหน่วยสืบราชการลับของรัฐบาลจีน แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายมาอย่างโชกโชน และสะสมเงินได้มากมายและมีความทะเยอทะยานอยากจะเข้าไปเล่นการเมือง แต่การเมืองพม่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนเคยมีประวัติ จริงอยู่ว่าแวดวงการเมืองในพม่าไม่ได้ขาวสะอาด แต่นักธุรกิจที่มาลงการเมืองรู้ดีว่าพวกเขาต้องการความคุ้มครองจากคนระดับสูงในกองทัพ และในบรรดานักการเมือง/นักธุรกิจนี้ ก็ไม่มีใครที่มีประสบการณ์อันโชกโชนกับกองกำลังติดอาวุธของทั้งว้าและกะฉิ่น และเข้าไปมีบทบาทในเส้นทางค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

จ่อ มยิ้นอาจคิดว่าตนเองเป็นเพียงนักธุรกิจธรรมดาๆ ที่สนใจการเมือง เขาเข้าใจผิดว่าเขาจะได้รับการตอบรับที่ดีเมื่อใช้เงินซื้อทุกอย่าง และทำให้ตัวเองโดดเด่นจนเป็นข่าวในแวดวงสังคมมากเกินไป ในเดือนกันยายน Myanmar Now สื่อออนไลน์อีกสำนักหนึ่งตีพิมพ์บทความว่าด้วยจ่อ มยิ้น เขาถูกจับในข้อหา “แหกคุก” แต่แท้จริงแล้ว รู้กันดีว่าเขาถูกจับเพราะก้าวเข้าไปอยู่ในพื้นที่อันตรายที่สุดในพม่า…การเมือง! ในประเทศที่ผู้มีอำนาจสั่งคุมขังอดีตนายทหารระดับสูงมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายพลเน วิน ที่เคยเป็นผู้นำประเทศมาถึง 26 ปี หรือพลเอกขิ่น ยุ้น ที่ถือว่าเป็นผู้ริเริ่มการปฏิรูปการเมืองพม่า รัฐบาลพม่า (รวมทั้งกองทัพ) อาจมองว่าเพียงว่าจ่อ มยิ้นเป็นบุคคลอันตราย เพราะเขามีเครือข่ายกว้างขวางกับกองกำลังของว้า กะฉิ่น และมาเฟียจากจีน ก็เป็นได้

Advertisement

อย่างไรก็ดี สื่อแทบทุกสำนักในพม่าวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่าการจับกุมตัวจ่อ มยิ้นในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะพม่ามีผู้มีอิทธิพลแบบจ่อ มยิ้นอีกมาก แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ คงเป็นเพราะพวกเขาอยู่กันแบบเงียบๆ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แม้จะมีเงินมหาศาล แต่การอยู่ให้ห่างการเมืองพม่ามากที่สุดก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าพ่อและนักธุรกิจแบบจ่อ มยิ้น

ลลิตา หาญวงษ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image