ปีหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนประมุข ของคริสตจักรแห่งอังกฤษ(Church of England)

หนังสือพิมพ์ Daily Express ของอังกฤษได้เผยแพร่ข่าวที่ นายโรเบิต จอบสัน ผู้เขียนชีวประวัติของบรรดาราชวงศ์อังกฤษได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่าพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะสละราชสมบัติภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้ตามที่เคยปรารภเรื่องสละราชสมบัติ หลังจากที่ เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระ พระราชสวามี ได้ยุติการปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างเป็นทางการเนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ โดยมีแหล่งข่าวในสำนักพระราชวังได้กล่าวว่าพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มีความประสงค์จะสละราชบัลลังก์เมื่อทรงมีพระชนมพรรษา 95 พรรษา ใน พ.ศ.2564 โดยเจ้าฟ้าชายชาร์ล พระโอรสผู้มีพระชนมายุ 71 พรรษาจะขึ้นครองราชย์ต่อไป

ความจริงการที่พระมหากษัตริย์ทั้งหลายในทวีปยุโรปสละราชสมบัติให้กับพระโอรส หรือพระธิดาขึ้นครองราชย์แทนนั้นเป็นเรื่องปกติแต่ในกรณีของประเทศอังกฤษนั้นนอกจากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศแล้วพระมหากษัตริย์ก็ทรงเป็นประมุขคริสตจักรแห่งอังกฤษ (Church of England) ที่ทรงอำนาจเต็มอีกด้วย

เนื่องจากเรื่องราวความเป็นมาของคริสตจักรแห่งอังกฤษนั้นน่าสนใจมาก จึงอยากจะเล่าสู่กันฟังดังนี้คือ ประเทศอังกฤษที่มีคริสต์ศาสนานิกายอังกฤษ (Church of England) เป็นศาสนาประจำชาติตั้งแต่ พ.ศ.2075 ก็ราว 37 ปีก่อนที่บุเรงนองจะตีกรุงศรีอยุธยาได้เป็นครั้งแรกนั้นแหละ โดย พระเจ้า
เฮนรี่ที่ 8 กษัตริย์อังกฤษผู้อื้อฉาวเนื่องจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ต้องการจะหย่ากับพระมเหสีเพื่อแต่งงานใหม่ แต่พระสันตะปาปาที่กรุงโรมไม่อนุญาตเพราะทางนิกายคาทอลิกนี่เขาถือว่าการแต่งงานนี่ศักดิ์สิทธิ์แต่งแล้วหย่าไม่ได้ แต่หากผู้ชายที่แต่งงานแล้วจะมีเมียน้อยก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่าเปิดเผยมากนักก็แล้วกัน ซึ่งสตรีที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อยากแต่งงานใหม่ด้วยนั้นไม่ยอมเป็นเมียน้อยก็เลยต้องหย่าเสียก่อน

เมื่อพระสันตะปาปามาห้ามพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 เลยตั้งนิกายใหม่คือ นิกายอังกฤษนี่แหละ โดยตั้งตัวพระองค์เป็นประมุขของศาสนจักรอีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผลให้พระมหากษัตริย์ (พระราชินี) ของอังกฤษเป็นทั้งประมุขของอาณาจักรควบกับประมุขของศาสนจักร 2 ตำแหน่งมาจนทุกวันนี้

Advertisement

พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 นี่แต่งงาน 6 ครั้งครับ คือมีมเหสีเป็นตัวเป็นตน 6 ซึ่งมีประวัติดังนี้คือ

พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่อ พ.ศ.2052 ก็ราว 60 ปี พระองค์ ซึ่งคนแรกก็หย่า ส่วนคนที่สองสั่งให้ตัดหัว คนที่สามคลอดโอรสแล้วตาย ส่วนคนที่สี่นี้มาแปลก พอเห็นหน้าเป็นครั้งแรกก็ไม่ชอบใจ เลยขอหย่าโดยไม่ถูกเนื้อต้องตัวกันเลย คนที่ห้าก็ถูกสั่งให้ตัดหัวอีก คนที่หกนั่นพอดี เฮนรี่ที่ 8 ตายเสียก่อน ไม่ยังงั้นไม่แน่เหมือนกัน

พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 นี่สำคัญจริงๆ นะครับ ถ้าจะเอาผลงานแล้ว บางทีอาจจะเป็นถึงขั้นมหาราชได้สบายๆ เลย แต่เรื่องที่สั่งตัดหัวมเหสี 2 พระองค์นี่แหละ ที่ทำให้ไม่มีใครยกย่องเท่าไหร่นัก เฮนรี่ที่ 8 แยกศาสนาจากที่นับถือสันตะปาปาที่กรุงโรมมาตั้งเป็นนิกายอังกฤษ โดยให้พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษเป็นพระประมุขทางศาสนาอีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งความสำคัญก็คือพระองค์รวยขึ้นทันตาเห็น ด้วยการยึดทรัพย์และที่ดินของนิกายคาธอลิกมาหมด แถมยังยกที่ดินให้กับมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดและเคมบริดจ์ ทำให้สองมหาวิทยาลัยมีรายได้จากค่าที่ดินมาจนทุกวันนี้ ซึ่งจุฬาลงณ์มหาวิทยาลัยก็คงได้ตัวอย่างมานั่นแหละครับ

Advertisement

การที่คนอังกฤษหนีไปอยู่อเมริกากันมาก ประการหนึ่งก็คือ หนีการถูกบังคับให้ต้องนับถือพระเจ้าแผ่นดินเป็นประมุขของศาสนาอีกตำแหน่งหนึ่ง เรียกว่า นับถือไม่ลงว่ายังงั้นเถอะ อ้อ! เมื่อก่อนอังกฤษก็เอานักโทษไปปล่อยไว้ที่อเมริกามาแล้วด้วยนะครับ เนื่องจากเมื่อก่อนนี้การกู้เงินเขามาแล้วไม่มีปัญญาใช้ตามกำหนดถือเป็นความผิดทางอาญาต้องติดคุก คนมันเลยล้นคุกขนาดต้องเอานักโทษไปขังใต้ท้องเรือที่จอดลอยลำอยู่ในแม่น้ำเทมส์เลยทีเดียว

เอาเรื่องมเหสีทั้ง 6 พระองค์ของเฮนรี่ที่ 8 สั้นๆ นะครับ เพราะเรื่องมันต่อยาวมาจนถึงปัจจุบันเลยแน่ะ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ เฮนรี่ที่ 8 ขึ้นครองราชย์เนื่องจากพี่ชายตายไปเสียก่อน เลยแต่งงานกับเมียพี่ชายคือ แคทเธอลีนแห่งอรากอนก็ท้องตั้งหลายครั้ง แต่แท้งบ้าง ลูกชายเกิดแล้วตายบ้าง ในที่สุดเฮนรี่ที่ 8 เลยคิดแต่งงานใหม่เพื่อจะได้ลูกชาย (ข้อแก้ตัวนี้ใช้กันบ่อย) โดยจ้องแอน โบลีน ซึ่งเป็นนางกำนัลของพระราชินีเอาไว้แล้ว ความจริงเฮนรี่ที่ 8 ก็ได้พี่สาวของแอน โบลีนเป็นสนมไปแล้ว แต่พระองค์เกิดมั่นใจว่า แอน โบลีน จะให้กำเนิดลูกชายได้ เลยไปขอสันตะปาปาให้ช่วยประกาศว่าการแต่งงานครั้งแรกถือเป็นโมฆะ ความจริงสันตะปาปาก็โปรดปรานเฮนรี่ที่ 8 มาก เนื่องจากเฮนรี่ต่อต้านมาร์ติน ลูเธอร์ หัวหน้าใหญ่ของนิกาย
โปรเตสแตนท์ ซึ่งไม่ยอมรับนับถือสันตะปาปา สันตะปาปาถึงกับให้เกียรติยกย่องเฮนรี่ที่ 8 เป็น “ผู้ปกครองศรัทธาผู้ยิ่งใหญ่” ทีเดียว แต่บังเอิญ แคทเธอลีนแห่งอรากอนนั้นเป็นน้าของจักรพรรดิชาร์ลแห่งอาณาจักร
โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระสันตะปาปาเลยไม่กล้าทำการหย่าให้ตามที่เฮนรี่ขอ เฮนรี่โกรธมาก จึงตั้งนิกายอังกฤษขึ้นเอง และตั้งตัวเองเป็นประมุขทั้งศาสนจักรและอาณาจักรเสียเลย แม้ในปัจจุบันเพราะนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 ก็ทรงดำรงฐานะประมุขของศาสนจักรและอาณาจักรนะครับ

แอน โบลีน มีลูกสาวคือ อลิซาเบธ ซึ่งต่อมาคือพระนางเจ้าอลิซเบธที่ 1 ปกครองอังกฤษในช่วงที่อังกฤษก้าวขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่ในโลก และสมัยนี้ก็มีเชคสเปียร์ยังไงล่ะครับ

แอน โบลีน ถูกกล่าวหาว่ามีชู้ โดนตัดสินประหารชีวิต ตอนที่ถูกนำตัวไปสู่ที่ประหาร แอน โบลีน ยังหัวเราะอยู่เลย เพราะคิดว่าเฮนรี่ทำตลกเล่น

มเหสีองค์ที่ 3 คือ เจน ซีมัวร์ องค์นี้คลอดลูกชายโดยวิธีการผ่าท้องและตายภายหลังคลอดไม่นาน ลูกชายได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินไม่นานก็ตาย เมื่ออายุได้ 16 ปีเอง

มเหสีองค์ที่สี่คือ แคทเธอลีน แห่งคลีฟส์ เป็นพวกชาวโปรเตสแตนท์ จัดการแต่งงานเพื่อหาพันธมิตรต่อต้านพวกคาธอลิกนั่นแหละครับ พอเฮนรี่เห็นหน้าครั้งแรกก็ขอหย่าเลย เรียกว่าไม่ถูกรสนิยมว่างั้นเถอะ ไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกันเลยนะครับ

มเหสีองค์ที่หก องค์สุดท้ายคือ แคทเธอลีน พาร์ เป็นแม่ม่ายสามีตายมาแล้ว 2 คน ตอนแต่งงานกับเฮนรี่ก็อายุ 33 ขวบ แคทเธอลีน พาร์ นี่แหละครับที่เสนอให้เฮนรี่ยกที่ดินให้ทั้งออกฟอร์ดและเคมบริดจ์ เมื่อเฮนรี่สิ้นไปแล้ว แคทเธอลีน พาร์ ก็แต่งงานใหม่อีก และเสียชีวิตจากการคลอดลูก

อ้อ! ลืมมเหสีองค์ที่ห้าไป พระนางคือ แคทเธอลีน โฮวาร์ด คนนี้ถูกกล่าวหาว่ามีชู้ ก็เลยโดนตัดหัวไปเหมือนกัน

หลังจากเฮนรี่ที่ 8 สวรรคตแล้วก็เป็นเรื่องของการต่อสู้กันระหว่างนิกายโรมันคาธอลิกกับนิกายโปรเตสแตนท์นั้นแหละครับ ลองไล่ดูนะครับ

ลูกชายของเฮนรี่ที่ 8 ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ขวบ พออายุได้ 16 ปี ก็ตาย คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 หลังจากนั้นพี่สาวคนละแม่ คือพระนางแมรี่ที่ 1 ขึ้นครองราชย์ต่อ คราวนี้ก็กลับไปเป็นคาธอลิกอีก จับพวกพระและขุนนางที่เป็นโปรเตสแตนท์เผาทั้งเป็นเสียหลายคน แต่พระนางแมรี่ก็อายุสั้น ครองราชย์ได้ไม่กี่ปีก็ตาย คราวนี้พระนางเอลิซาเบธที่ 1 ก็ขึ้นครองราชย์ ซึ่งพระราชินีองค์นี้ครองราชย์นานทีเดียว นำอังกฤษเข้าสู่ความเป็นมหาอำนาจ แต่ภายหลังรัชกาลของพระนางเอลิซาเบธที่ 1 นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์ของการแย่งการปกครองกันระหว่างนิกายอังกฤษ นิกายพิวริตัน (เป็นโปรเตสแตนท์อีกพวกหนึ่ง) และนิกายโรมันคาธอลิก

ซึ่งในที่สุดนิกายอังกฤษของเฮนรี่ที่ 8 นั่นแหละชนะจนถึงทุกวันนี้

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image