ไทยเป็นประเทศที่มีกฎหมาย ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ก่อนจะมี พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ถึง 10 ปี
คล้ายมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
แค่ต้องการเอาคำว่า คอมมิวนิสต์ มาใช้เป็นเครื่องมือกำจัด ปรีดี พนมยงค์ !
คอมมิวนิสต์ซึ่งยังไม่มีอยู่จริง กลับ มีจริง
ใครหน้าตาเหมือนคนจีน พูดไทยไม่ชัด หรือร้อนวิชา ชอบวิพากษ์วิจารณ์อำนาจรัฐก็มักจะถูก ยัดข้อหา คอมมิวนิสต์
สร้างภาพและกระพือภัยกันจนมี พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่พัฒนาจากไม่มี ไปสู่มี จากเล็กไปสู่ใหญ่ จากกองโจรเล็กๆ กลายเป็น กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย สามารถทำ สงครามประชาชน กับกองทัพไทย ก่อความเสียหายมหาศาล ดังมีปรากฏเป็นอนุสรณ์สถานในพื้นที่เคยเป็นสมรภูมิต่างๆ เช่น ภูพาน ภูหินร่องกล้า เขาค้อ กรุงชิง
ผู้ตายหรือที่ทางการเรียกว่า ผู้เสียสละ ส่วนใหญ่คือไพร่พล ไม่ใช่ นายพล !
อนุสรณ์เหล่านั้นจะถูกแปลความหมายอย่างไรขึ้นอยู่กับยุคสมัย แต่ที่แน่นอนคือ เป็น ตำนานแห่งความผิดพลาด !!
คอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ภูตผีปีศาจเหมือนที่ทางการโฆษณาชวนเชื่อให้ชาวบ้าน หลงผิด เกินจริงจนก่อให้เกิดความหวาดกลัว เกลียดชังชนิดอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันไม่ได้ ดังเช่น ก่อน 6 ตุลา 2519 มีพระกิตติวุฒโฒออกมากล่าวในที่สาธารณะว่า ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป นำไปสู่การลงมือฆ่ากันเอง
บรรยากาศในยุคหนึ่งจึงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง หวาดระแวง แตกแยก คนไทยทุกคนทุกชั้นทุกฐานะสามารถถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ได้
เพียงแค่คิดไม่เหมือนกันก็จะถูกผลักไสให้ไปอยู่ ฝั่งตรงข้าม
เจ้าหน้าที่ข่มเหงรังแกปล้นฆ่าประชาชนก็ยัดข้อหา เป็นคอมมิวนิสต์ ต่อสู้ขัดขืน
นโยบายแห่งรัฐ กฎหมายคอมมิวนิสต์ การบังคับใช้กฎหมาย การไล่ล่าปราบปรามชนิดที่ชวนสะพรึงทำให้ คอมมิวนิสต์ เติบใหญ่ กล้าแข็ง
แต่เมื่อรัฐไทย พลิกมุมมอง กลับหัวกลับหาง คอมมิวนิสต์ก็กลายเป็น ตำนาน การต่อสู้ของประชาชนไทยจำนวนหนึ่ง
นโยบาย 66/2523 ได้เปลี่ยนแนวทางจาก สงคราม สู่ สันติวิธี จาก ปิด เป็น เปิด ให้มาต่อสู้ทางอุดมการณ์อย่างเปิดเผยในระบบรัฐสภา
คอมมิวนิสต์ เป็นเพียงแนวคิดการปกครองชนิดหนึ่งที่แตกต่างจาก ประชาธิปไตย ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ควรจับกุม ทรมานหรือฆ่าด้วยการถีบลงเขา เผาถังแดง
เช่นเดียวกับที่คิดบังคับใช้ ม.112 อย่างเข้มข้นจริงจัง
ควรย้อนศึกษานโยบาย 66/23 อย่าให้ความแตกต่างกลายเป็นความแตกแยกจนไม่อาจร่วมผืนแผ่นดิน !?!!