ผู้เขียน | โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ |
---|
เมื่อวันอังคารที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ถึงแม้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ของเขาต่อว่าที่ประธานาธิบดีโจไบเดน ก็ตามแต่เขาก็ได้พูดกับแขกในงานคริสต์มาสของทำเนียบขาวว่า
“สี่ปีที่ผ่านมาเป็นเวลาที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง เราพยายามที่จะทำต่อไปอีก 4 ปี มิฉะนั้นแล้วผมก็จะกลับมาพบพวกท่านอีก 4 ปีข้างหน้า”
ครับ! คำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้เป็นการที่ทรัมป์แทบจะยอมรับแล้วว่าเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้แก่โจ ไบเดน และเป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่าอีก 4 ปีข้างหน้าเขาจะสมัครลงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งอย่างแน่นอนถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุถึง 78 ปีแล้วในเวลานั้นก็ตาม (ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็อายุ 78 ปีในปีนี้เช่นกัน)
ในประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีอายุร่วม 244 ปี มีประธานาธิบดี 45 คน (รวมทั้งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ด้วย) โดยมีประธานาธิบดีจากพรรคการเมืองต่างๆ ดังนี้
1.ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน – 19 คน
2.ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต (รวมทั้งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ด้วย) – 15 คน
3.ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมเครติก-รีพับลิกัน – 4 คน
4.ประธานาธิบดีจากพรรควิค – 4 คน
5.ประธานาธิบดีจากพรรคเฟเดอรัลลิสต์-1 คน (จอห์น แอดัมส์)
6.ประธานาธิบดีจากพรรคเนชันแนล ยูเนียน – 1 คน (แอนดรูว์ จอห์นสัน)
7.ประธานาธิบดีที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใดเลย – 1 คน (จอร์จ วอชิงตัน)
ในประวัติศาสตร์มีประธานาธิบดีเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือกตั้งถึง 2 สมัย แต่ไม่ติดต่อกันโดยมีการเว้นวรรคไป 4 ปี ชื่อ นาย
สตีเฟน โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนที่ 22 และ 24 และเป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งใน 2 วาระไม่ติดต่อกัน (พ.ศ.2428-2432 และ พ.ศ.2438-2440) โดยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีรวม 2 ครั้ง คือในปี พ.ศ.2428 และ พ.ศ.2438 แต่พ่ายแพ้การเลือกตั้งจากคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งในปี พ.ศ.2431 แต่ชนะคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วประเทศ โดยนายสตีเฟน โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในยุคที่รีพับลิกันครอบครองการเมืองอย่างยาวนานระหว่าง พ.ศ.2403 ถึง พ.ศ.2455 คือในช่วงหลังสงครามกลางเมืองที่พรรคเดโมแครตส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้เป็นผู้แพ้สงครามกลางเมืองต่อพรรครีพับลิกันซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือของสหรัฐอเมริกานั่นเอง
สตีเฟน โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2380 เป็นบุตรคนที่ 5 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 9 คน ของนักบวชโปรเตสแตนต์ที่มีฐานะไม่ค่อยดีเท่าไรนักเมื่อบิดาเสียชีวิตลง สตีเฟน โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวแต่เขาก็สามารถดูหนังสือสอบผ่านได้ตั๋วทนายความของมลรัฐนิวยอร์กและสร้างความมั่งคั่งจากการเป็นทนายความได้จึงหันมาเล่นการเมืองจนกระทั่งได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองบัฟฟาโล มลรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเขาได้สร้างชื่อเสียงในการปราบคอร์รัปชั่นจนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก และจากชื่อเสียงในความซื่อสัตย์นี่เองที่ทำให้เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ.2428 และเขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกและคนเดียวที่แต่งงานในทำเนียบขาว ขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในขณะที่เขามีอายุ 49 ปี ในขณะที่เจ้าสาวมีอายุ 21 ปี ปรากฏว่าเขามีบุตร 5 คน กับภริยาแต่งและมีบุตรชายนอกสมรสอีกคนหนึ่ง
เนื่องจากเขาไม่ชอบชื่อแรกของเขาจึงใช้ชื่อกลางของเขา ดังนั้น สตีเฟน โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ จึงเป็นที่รู้จักในนามโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (กรณีแบบนี้มีเยอะครับ ผู้เขียนเองก็รู้จักคนประเภทนี้หลายคนทีเดียว) ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ บริหารงานโดยความซื่อสัตย์สุจริตและมีอุดมการทางเศรษฐกิจยึดมั่นกับระบบเสรีนิยม โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ต่อต้านลัทธิประชานิยม (populism) อย่างแข็งขันทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 โดยแพ้คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันจากคณะผู้เลือกตั้งด้วยคะแนน 233-168 คะแนนแต่คลีฟแลนด์ชนะคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วประเทศ 48.6%-47.8% เนื่องจากมีพรรคป๊อปพิวลิสม์เป็นพรรคที่สามที่แย่งคะแนนไปบ้าง
คลีฟแลนด์ประกาศว่า อีก 4 ปีเขาจะกลับมาแก้มืออีกครั้งและเขาก็สามารถทำได้โดยชนะคู่แข่งจากพรรครีพับลิกันคนเดิมคือประธานาธิบดีเบนจามิน แฮริสัน โดยเด็ดขาด จึงเป็นประวัติศาสตร์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีจะพยายามทำให้สำเร็จเป็นคนที่สองต่อไปนั่นเอง
โกวิท วงศ์สุรวัฒน์