ก่อนจะเกิดเหตุ “6 ตุลา 2519” รัฐสมัยนั้นโหมกระแสก่อน “ล้อมปราบ” หลายวิธี
หนึ่งในนั้นคือ การเปิดเพลง “หนักแผ่นดิน” ในทุกสถานีวิทยุของกองทัพและทุกโอกาสที่ระดมมวลชนจัดตั้งมาทำกิจกรรม
“หนักแผ่นดิน” เป็นเพลงที่แต่งโดย พ.อ.บุญส่ง หักฤทธิ์ศึก เมื่อปี 2518 มีเป้าหมายชัดเจนคือ ใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม นั่นคือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ พคท.
พคท.มี “กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย” เปิดศึกทำสงครามกับกองทัพไทยอย่างเปิดเผย
ใช้แนวทาง “ป่าล้อมเมือง” ถอดแบบจากจีนและเวียดนาม
เมื่อครั้งที่กองทัพไทยและผู้นำไทยยังโง่นั้นได้ปั่นกระแสโฆษณาชวนเชื่อด้วยเพลง “หนักแผ่นดิน” ทั้งได้จัดกิจกรรมกล่อมชาวบ้านทั้งในเขตเมืองและชนบทว่าคอมมิวนิสต์เป็นลัทธิอันตราย
กระทั่งใช้ภิกษุรูปหนึ่งชื่อ “กิตติวุฒโฒ” ออกมาพูดว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป”
หลังจากนั้นไม่นานก็ก่อเหตุ “สังหารหมู่ 6 ตุลา 2519” ในธรรมศาสตร์และสนามหลวง!!
เมื่อกองทัพไทยและรัฐฉลาดขึ้น จึงยอมรับว่ายุทธวิธีที่เคยใช้ล้วนผิดพลาด การปราบปรามเข่นฆ่าคอมมิวนิสต์ คือการฆ่าประชาชน เพราะคอมมิวนิสต์ก็คือประชาชน แค่เป็นคนไทยที่มีแนวคิดทางการเมืองแตกต่าง
ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายและไม่ใช่ “คนหนักแผ่นดิน”
จากวันนั้นมาถึงวันนี้ ล่วงผ่านไปเกือบ 50 ปี บทเพลง “หนักแผ่นดิน” เป็น “สิ่งตกค้าง” ที่ล้าหลัง ไม่เหมาะ
ไม่เข้ากับยุคสมัย
แต่จู่ๆ ในวันหนึ่ง เมื่อมีนักการเมืองหญิงคนหนึ่งนำเสนอว่า ประเทศไทยน่าตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมสัก 10 เปอร์เซ็นต์ กับควรยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขณะเป็น “ผบ.ทบ.” ก็ออกมาแนะว่าให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”
บทเพลง “หนักแผ่นดิน” กับการใช้วาทกรรมคลุมเครือทำลายคนเริ่มกลับมาอีกครั้ง
วันนี้ คำนี้เริ่มถูกนำไปใช้บ่อยและกว้างขวางยิ่งขึ้นในกลุ่มจัดตั้งทางการเมืองที่มุ่งกำจัด “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์”
น่าแปลกมากคือ เจ้าหน้าที่ปล่อยให้ใช้คำว่า “หนักแผ่นดิน” และแห่เปิดเพลง “หนักแผ่นดิน” กันแบบอันธพาลป่วนเมืองโดยไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย
เป็นแนวทางเก่าๆ ยุทธวิธีเดิมๆ ของคนที่ไม่เข้าใจแม้กระทั่งความหมายและที่มาของคำว่า “หนักแผ่นดิน”
เพลงหนักแผ่นดินตายไปแล้วตั้งแต่สิ้นยุคคอมมิวนิสต์
ที่หนักแผ่นดินอยู่ในทุกวันนี้ คือคนทุจริตคอร์รัปชั่น!?!!
