จากวัด สู่ทำเนียบ กรณี สังฆราช บทบาท รัฐบาล

รายงานข่าวเรื่องการประชุมวาระพิเศษของมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งเป็นการเรียกประชุมลับเฉพาะกรรมการมหาเถรสมาคม เพื่อเสนอรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ต่อนายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

อันมีข่าวปรากฏว่าที่ประชุมเห็นพ้องว่าควรเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ หัวหน้าคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20

ก่อให้เกิดปฏิกิริยาร้อนแรงเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องขึ้นหลายประการด้วยกัน

โดยเฉพาะจากฝ่ายคัดค้าน

Advertisement

11 ม.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมลูกศิษย์ 6 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

คัดค้านการแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เนื่องจากเห็นว่ามีพฤติกรรมที่ละเลย ละเว้น ละเมิดพระธรรมวินัย และละเมิดกฎหมายบ้านเมือง

โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ออกมารับและพาไปนั่งแถลงข่าวภายในทำเนียบรัฐบาล

Advertisement

จึงขอเรียกร้องให้นายกฯใช้อำนาจของรัฏฐาธิปัตย์ ที่มีอำนาจดูแลได้ทั้งอาณาจักรและศาสนจักร คัดสรรพระเถระผู้ทรงธรรม ทรงวินัย มีพระจริยวัตรงดงาม เป็นที่ยอมรับและเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนทั่วไป นำขึ้นทูลเกล้าฯ ขอโปรดเกล้าฯสถาปนาแต่งตั้ง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า

“ผมบอกแล้วว่าให้ไปแก้กันให้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ ผมก็เสนอชื่อให้ไม่ได้”

12 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ตอบข้อถามเรื่องมติการประชุมวาระพิเศษของมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ด้วยการย้อนถามกลับว่า

อยู่ไหน เรื่องนี้มันชัดเจนหรือไม่ อยู่ที่ไหนก็คือไม่เห็น ทำไมต้องแปลให้ชัดเจนขนาดนี้

ขณะที่นายสุวพันธุ์กล่าวว่า เท่าที่ทราบเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา มหาเถรสมาคมมีการประชุมวาระพิเศษ แต่ไม่ทราบว่ามีวาระอะไรบ้าง

ทั้งนี้ รัฐบาลยังไม่ได้รับเรื่องอะไรจากมหาเถรสมาคมเลย

ส่วนที่อธิบายเป็นขั้นเป็นตอนตามเกณฑ์ เพื่อลดอุณหภูมิของการวิพากษ์วิจารณ์ก็คือนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

ที่ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องเดียวกันเมื่อ 13 ม.ค. ว่า

หากรัฐบาลได้รับรายชื่อมาก็ต้องตรวจสอบว่ากระบวนการในการพิจารณาเสนอชื่อมา ทำถูกหรือไม่ แต่ไม่มีหน้าที่ไปดูความประพฤติ หรือความเหมาะสม

พร้อมออกตัวให้เสร็จสรรพว่า

“ที่นายกฯพูดด้วยความเป็นกลาง ถ้ายังทะเลาะขัดแย้งกันอยู่ รัฐบาลจะไม่นำสิ่งซึ่งเป็นความขัดแย้งขึ้นไปกราบบังคมทูลฯ เพราะถ้าฝ่าฟันทุกอย่างแล้วกราบบังคมทูลฯ ขึ้นไป คนที่ขัดแย้งตามไปคัดค้าน สำนักราชเลขาธิการก็ต้องส่งกลับมาอยู่ดี ว่าจะเอาไงกันแน่”

“เรื่องนี้พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ตามที่นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ซึ่งจะต้องเสนอเห็นชอบสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ แล้วจะมาพูดเป็นอย่างอื่นให้มันยุ่งทำไม

“ถ้าไม่ตั้งสมเด็จวัดปากน้ำแล้วจะตั้งใคร ไม่ชอบสมเด็จวัดปากน้ำไม่ว่า แต่ถ้าไม่ตั้งแล้วไปตั้งใคร หมายถึงจะตั้งโดยให้ชอบด้วยกฎหมาย”

รองนายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า หลายครั้งที่ตั้งสมเด็จพระสังฆราชในอดีตมีปัญหาเกือบทุกครั้ง แต่ถ้าตั้งได้ก็จบ ชอบไม่ชอบ นับถือไม่นับถือก็อยู่ในใจ

ครั้งนี้ไม่ได้มีการแย่งชิง ที่มีปัญหาคือลูกศิษย์ที่อยากให้อาจารย์ตัวเองได้เป็น

ควรปล่อยให้เป็นไปโดยธรรมชาติ อย่าให้ผิดธรรมชาติ

ประโยคท้ายนี้แหละสำคัญนัก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image