ผ่านปีใหม่ 2564 มาถึงกลางเดือนแรกของปี ประเทศไทยและโลกยังอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 รอบสอง ไม่ทราบว่าจะอยู่อีกนานเท่าใด แม้หลายประเทศและประเทศไทยผลิต “วัคซีน” ป้องกันไวรัสได้แล้ว และอยู่ระหว่างการนำออกใช้
หวังว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2519 คงเบาบางลง
หวังว่าสถานภาพของประชาโลกจะได้กอบกู้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของแต่ละท้องถิ่นตนได้พอสมควร
ประเทศไทย ต้องเดินหน้าสองสามสถานการณ์ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจที่ต้องเร่งมาตรการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามาตรการนำเงินออกมาใช้จ่ายให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้าง เช่นมาตรการ “คนละครึ่ง” ทุกวันนี้ จะบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรายได้ต่ำได้บ้าง ผู้มีรายได้สูง รายได้ปานกลางยินดีมีส่วนร่วมไปด้วย
ทางด้านการเมือง การจัดคณะกรรมการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญยังไปไม่ถึงไหน ผู้ติดตามแทบจะไม่กระเปิ๊บกระป๊าบอะไรออกมาบ้าง อาจเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่สร่างซาลง
มีข่าวแต่เพียงรัฐสภาขยายเวลาการประชุมออกไป 2 สัปดาห์ ยังมีเสียงโวยวายออกมาว่าจะทำให้เสียเวลาการพิจารณาสรรหากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญออกไปเท่านั้นเอง
โถ ! เมื่อเกรงว่าเวลาการยกร่างรัฐธรรมนูญจะยืดยาวออกไปอีก ในการประชุมยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งยังไม่เห็นหน้าค่าตาบ้าง ก็รีบยกร่างขึ้นมาให้เสร็จเร็วขึ้น อย่าตีฝีปาก “เอามัน” ให้มากเรื่องซิครับ พิจารณาแต่เนื้อหาที่เป็นสาระให้มากเข้าไว้ เรื่องใดที่เป็นเกร็ด เป็นฝอยขัดหม้อ เป็นน้ำท่วมทุ่ง ทิ้งมันไปเสียมั่ง อย่างนี้จะทำให้การยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปรวดเร็ว มีแต่เนื้อหาสาระ เหมือนกับการอภิปรายในสภาของสมาชิกฝ่ายค้านที่ผ่านมา เป็นที่ถูกใจประชาชนผู้ฟังว่ากระชับได้เนื้อได้หนังดีแท้ โดยเฉพาะข้อมูลทั้งหลาย
รัฐธรรมนูญมีความสำคัญในบางประการ นอกเหนือจากหมวด 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาลตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
หมวด 2 พระมหากษัตริย์ที่มีมาในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ รวมทั้งฉบับล่าสุด พ.ศ.2560
กับหมวดว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยอาจไม่จำเป็นต้องแก้ไข หรือแก้ไขให้มีสิทธิเสรีภาพมากขึ้นกว่านี้
ส่วนที่ควรแก้ไขคือส่วนที่จะนำมาซึ่งความเป็นประชาธิปไตยของปวงชนชาวไทย และสิทธิเสรีภาพ โดยเฉพาะการเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ควรบังคับให้สังกัดพรรค ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตยอันนานาอารยประเทศเป็นอยู่ ซึ่งในที่สุด ความเป็นประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นเอง สองพรรค สามพรรค หรือกี่พรรค เป็นเรื่องที่ประชาชน
ไปตัดสินใจ
เช่นเดียวกับพลเมืองยังเป็นเด็กและเยาวชนซึ่งกำหนดด้วยอายุ อาจเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกห้วงอายุดำเนินการกันเองว่าเป็นอายุเท่าใด จึงควรมีสิทธิเลือกตั้ง หรือมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในเรื่องใดบ้าง
นับแต่มีระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าในอาณาจักร ในราชอาณาจักรใด ความเป็นประชาธิปไตยต่างเป็นขั้นตอน อาจเกิดขั้นตามธรรมชาติ แต่เกิดจากประชาชนในอาณาจักร ในราชอาณาจักรนั้นทั้งสิ้น
ทั้งไม่ว่าจะมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประธานาธิบดี หรือเรียกว่าอย่างไร มีวาระหรือไม่ เป็นเรื่องความต้องการของประชาชนทั้งนั้น ใครไม่เชื่อ ยกมือขึ้น
เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์