คำตัดสิน โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

AFP PHOTO / ANTHONY WALLACE

โจชัว หว่อง เป็นหนุ่มฮ่องกง อายุ 19 ปี ผู้โด่งดังไปทั่วโลกจากการเป็นแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตย เพิ่งจะรอดพ้นโทษจำคุกไปหมาดๆ ในความผิดที่นำการประท้วงผิดกฎหมายเมื่อสองปีก่อน

คดีนี้ได้รับความสนใจในระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยแบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่การจัดฉาก

ขบวนการร่มเหลืองของฮ่องกงเรียกร้องขอระบบการเลือกตั้งให้ชาวฮ่องกงเลือกผู้นำบริหารดินแดนโดยตรง ไม่ใช่ผ่านระบบการกลั่นกรองโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งที่มีจีนสนับสนุนเป็นส่วนใหญ่

สำหรับหนุ่ม โจชัว หว่อง เป็นที่รู้จักในสังคมไทยพอสมควร นอกจากการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการต่อสู้ด้วยวัยอันน้อยนิดแล้ว หลายๆ คนเห็นว่าเขาหน้าตาคล้าย เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เยาวชนไทยที่จุดประเด็นและเรียกร้องความเป็นธรรมในเรื่องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์

Advertisement

เรียกว่าหน้าตาคล้ายกันแล้วอุดมการณ์ก็คล้ายกันด้วย

แน่นอนว่าคนอย่างโจชัว หว่อง และเนติวิทย์ คงต้องฝ่าฟันสภาพที่ถูกต่อต้านจากฝ่าอนุรักษนิยมไปอีกยาวไกล

โจชัว หว่อง เพิ่งโดนถล่มผ่านคลิปที่โพสต์ในบัญชีชื่ออัยการแห่งชาติและสมาคมเยาวชนพรรคคอมมิวนิสต์จีน ว่า มีสหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลังหวังทำให้จีนไร้เสถียรภาพ ส่วนเนติวิทย์เองนั้นถูกกล่าวหารุนแรงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีครั้งใดที่ทั้งสองตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง เหยียดหยาม หรือหยาบคาย

Advertisement

การเคลื่อนไหวของเยาวชนสองคนนี้ รวมถึงอีกหลายๆ คนที่ยืนหยัดบนหลักการที่แน่ชัดเป็นความหวังของคนกลุ่มที่ต้องการเห็นสังคมที่ยกระดับสู่ความมีวุฒิภาวะทั้งทางอารมณ์และสติปัญญา

คำพิพากษาลงโทษ โจชัว หว่อง ของศาลฮ่องกง เมื่อไม่นานนี้ถือเป็นกำลังใจหนึ่งอีกเช่นกัน

เพราะแม้ศาลตัดสินว่าโจชัวและรุ่นพี่นักศึกษาอีก 2 คน มีความผิดในข้อหาประท้วงโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมปีนรั้วเข้าไปในเขตพื้นที่สำนักงานรัฐบาล ในวันที่ 26 กันยายน 2557

แต่สุดท้ายศาลก็ไม่ได้ตัดสินให้ทั้งสามต้องโทษจำคุก 2 ปีอย่างที่หลายๆ คนคาดการณ์ไว้

ผู้พิพากษา จูน เฉิง กล่าวว่า คดีนี้แตกต่างจากคดีอาญาทั่วไป หากพิพากษาโดยได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศตึงเครียดทางการเมืองและใช้โทษจำคุกเพื่อระงับยับยั้ง คงจะไม่ยุติธรรมนัก

ในขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนั้นไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน การกระทำในช่วงประท้วงเป็นผลจากความวิตกกังวลในประเด็นสังคม และอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งทั้งสามต้องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างแท้จริง ไม่มีเจตนาทำร้ายผู้ใด หรือได้รับประโยชน์ส่วนตนจากการกระทำในครั้งนั้น จึงเห็นควรให้รับโทษบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ ส่วนคนหนึ่งที่ต้องโทษจำคุก 3 สัปดาห์นั้นให้รอลงอาญา 1 ปี

ผลจากคำตัดสินนี้ทำให้หนุ่มทั้งสามและแนวร่วมดีใจ หลังจากทั้งสามเคยแถลงไว้ว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ทำไป ทั้งจะเดินหน้ารณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป โดยรู้ด้วยว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นต้องใช้เวลายาวนาน

แต่อย่างน้อยคำตัดสินนี้ก็มีค่าอย่างยิ่งต่อสังคมและเสรีภาพพลเมือง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image