ถามมาก็ดีแล้ว
“สิ่งที่ควรจะเป็น” กับ “สิ่งที่เป็นอยู่จริง” มักจะตรงข้ามกัน ความอลหม่าน บาดหมาง ขัดแย้งจึงเกิดขึ้น
เริ่มจากที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อภิปรายนอกสภาด้วยการไลฟ์สดทางเพจก้าวหน้าเกี่ยวกับการจัดหาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยว่า รัฐบาลประยุทธ์ประมาท จัดการล่าช้า จะทำให้ไทยมีวัคซีนครอบคลุมจำนวนประชากรน้อยกว่าประเทศอื่น ความรวดเร็วในการฉีดก็จะน้อยกว่าประเทศอื่น เพราะฝากความหวังไว้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นการเฉพาะ
“ธนาธร” ยังถามเจาะจงว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ อนุมัติข้อตกลงอย่างนั้นจะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ ถ้าวัคซีนที่มีการผลิตช้ากว่ากำหนดเวลา หรือมีปัญหาในการแจกจ่ายประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม หรือถ้าเกิดอาการแพ้
ไม่ว่าคำถามหรือคำค้านนั้นจะมาจากผู้ใด ชอบหรือไม่ชอบ ถ้าหาก “ตั้งใจฟัง”ก็น่าจะมีประโยชน์ต่อสาธารณะ
นึกไม่ถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะ “ทนไม่ได้” ถึงกับออกอาการฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดประกาศว่า “เรื่องอะไรที่เป็นการบิดเบือนแล้วนำไปเผยแพร่ ไม่ว่าในสื่อ หรือโซเชียลมีเดีย ผมให้ดำเนินคดีทุกเรื่อง ทุกรายการ ขอให้ทุกคนระมัดระวังด้วย อย่าหาผมเอากฎหมายไปขู่”
ฉับพลัน “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็พลอยพยักในทันทีว่า ถ้า(ธนาธร)อยากจะทำอะไรให้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการก็ต้องทำให้ตัวเองเข้ามาบริหารบ้านเมืองให้ได้ก่อน
ประยุทธ์กริ้ว ข่มขู่จะดำเนินคดี อนุทินแถกและถากถาง “ธนาธร” ที่ไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาลไม่ได้บริหารประเทศ
“ประยุทธ์” คงลืมไปว่า “ธนาธร” ไม่ได้ตั้ง 250 ส.ว.
“อนุทิน” ก็คงลืมไปว่า “ธนาธร” เป็น “หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่” ที่ชนะเลือกตั้ง เดิมทีมี ส.ส.ถึง 81 ที่นั่งและได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดต “นายกรัฐมนตรี” ขณะที่ “ภูมิใจไทย” ซึ่ง “อนุทิน” เป็นหัวหน้าพรรค มี ส.ส. 61 ที่นั่ง
การให้สัมภาษณ์ของประยุทธ์กับอนุทินไม่ได้ให้อะไรกับ “การตั้งคำถาม” ของธนาธร
“สิ่งที่ควรจะเป็น” คือคำอธิบายจาก นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
เมื่อมีคำถามก็ควรให้คำตอบ
เมื่อมีผู้เสนอข้อมูลอีกด้านที่เห็นว่า “ยังพร่อง” ก็แค่เติมเต็มด้วยข้อมูลอีกด้านหนึ่ง
ทำไมต้องเพี้ยน
เห็นใครมีความคิดเป็นอย่างอื่น ใครมีความเห็นต่างเป็น “ตัวร้าย” ไปสิ้น !?!!!
