สหรัฐอเมริกา-ไทยสู่สัมพันธ์เดิม 200 ปี

สหรัฐอเมริกา-ไทยสู่สัมพันธ์เดิม 200 ปี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความยินดีไปยัง นายโจเซฟ อาร์. ไบเดน จูเนียร์ ในโอกาสสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ความตอนหนึ่งว่า

…การเข้ารับตำแหน่งของท่านในโอกาสนี้ จะเป็นประจักษ์ในประวัติศาสตร์ ว่าเป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ฟื้นฟูบูรณะ ทั้งสำหรับสหรัฐอเมริกาและประชาคมนานาชาติ หลังจากความสำเร็จในการรักษาไว้ ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และกระบวนการความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญสหรัฐก็จะยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิด้วยการนำของท่าน ในอันที่จะกลับมารวมพลังรวมใจอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเผชิญปัญหาความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โรคระบาด ภาวะเศรษฐกิจ วิกฤตสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศ

ประเทศไทยมีความสัมพันธ์กับสหรัฐมายาวนานกว่า 200 ปี เป็นมิตรประเทศของสหรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชีย จึงจะยืนหยัดอย่างมั่นคงกัน สหรัฐในการเผชิญกับปัญหาความท้าทายเหล่านั้น ทั้งเรายังมั่นใจว่า ด้วยการสนับสนุนและการนำของท่าน ความร่วมมือที่มีมายาวนานระหว่างประเทศของเราทั้งสอง จะกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่เพื่อประโยชน์สุขของเราทั้งสองประเทศเท่านั้น หากยังเป็นการสร้างเสริมสันติสุข และเสถียรภาพอย่างสำคัญในภูมิภาคด้วย…

ทันทีที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 สาบานตน พร้อมกับ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี และกล่าวสุนทรพจน์ด้วยเวลาประมาณ 22 นาที เบื้องหน้าเนชั่นแนลฮอลล์ ต่อหน้าธงชาติสหรัฐอเมริกา 2 แสนธง อันนับเป็นตัวแทนของประชาชนชาวอเมริกัน ยืนยันคุณค่าของประชาธิปไตย และเรียกร้องให้ชาวอเมริกันยุติการแบ่งแยก ต่อสู้กันเอง ด้วยการเปิดใจฟังซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างเอกภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

Advertisement

“ด้วยความร่วมมือกันนี้ เราจะเขียนเรื่องราวของอเมริกาขึ้นใหม่ เรื่องราวของความหวัง ไม่ใช่ความกลัว เรื่องของเอกภาพ ไม่ใช่การแตกแยก เรื่องของแสงสว่าง ไม่ใช่ความมืดมน เรื่องถูกทำนองคลองธรรม และทรงเกียรติ เปี่ยมด้วยการเยียวยาและคุณงามความดี” ไบเดนกล่าวย้ำ

หลังจากนั้น ประธานาธิบดีเดินทางเข้าห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว เพื่อลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี 17 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นการใช้อำนาจประธานาธิบดีล้มล้างคำสั่งแต่เดิมของอดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ พร้อมประกาศว่าจะนำสหรัฐอเมริกาต่อสู้กับเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ “ในทิศทางที่สหรัฐอเมริกาไม่เคยทำมาก่อนจนถึงขณะนี้”

หลังจากนั้นประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะโทรศัพท์ติดต่อเป็นครั้งแรกกับผู้นำต่างประเทศ อาทิ จัสมิน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เพื่อหารือกรณีที่ไบเดนยับยั้งการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน ที่ถูกนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมต่อต้านอย่างหนัก แต่ทางแคนาดาให้การสนับสนุน

Advertisement

นอกจากนั้น ยังลงนามในคำสั่งยกเลิกการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก ยุติการก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนเม็กซิโก ยกเลิกคำสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนจากชาติมุสลิมหลายชาติก่อนหน้านี้ ขณะที่วุฒิสมาชิกมีมติรับรอง นางเอฟรีล ดานิกา เฮนส์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ถือเป็นการยืนยันการแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองคนแรกในยุคไบเดน

ขณะที่ คามาลา แฮร์ริส นับเป็นรองประธานาธิบดีหญิงที่มีบิดาเป็นชาวจาไมกา มารดาเป็นชาวอินเดีย เป็นอเมริกันผิวดำคนแรก ที่มีเชื้อสายเอเชีย ขณะที่ ดั๊ก เอมฮอล์ฟ สามีแฮร์ริส กลายเป็น “สุภาพบุรุษหมายเลขสอง” คนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกัน

บรรยากาศในพิธีสาบานตนครั้งนี้แตกต่างไปจากทุกครั้งโดยสิ้นเชิง พื้นที่ประกอบพิธีเป็นพื้นที่หวงห้าม ปิดกั้นบริเวณทั้งหมดมิให้ประชาชนเข้าไปแสดงความยินดีและเฉลิมฉลองเหมือนที่ผ่านมา

เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image