สิ่งที่อยู่อีกฝั่งผนังปูน โดย กล้า สมุทวณิช

แฟ้มภาพ

สําหรับมิตรสหายและคนในวงการวรรณกรรม ปอน-หฤษฎ์ มหาทน เป็นนักเขียนนิยายแนวแฟนตาซีและไลท์โนเวล เป็นนักธุรกิจ นักเล่นเกมและผู้หมกมุ่นเอาจริงในงานอดิเรกที่เขาสนใจ

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วประเทศ จากการถูกกล่าวหาในคดีความมั่นคงและคดีร้ายแรง ด้วยข้อกล่าวหาเช่นนั้น เขาต้องถูกกักขังจองจำไว้ร่วมสองเดือนจึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวได้ออกมาต่อสู้คดี

หลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ปอนบอกเล่าประสบการณ์ในดินแดนหลังลูกกรงเหล็กให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ ผ่านช่องทาง Fan Page ใน Facebook ชื่อ “Starless Night-Harit Mahaton”

เรื่องเล่าประสบการณ์หลายเรื่องก็เป็นเรื่องที่เราพอจะได้รู้อยู่แล้วหากเคยอ่านสารคดีประเภท “ผ่าคุก” หรืออะไรคล้ายๆ นั้น บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เพิ่งรู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร การเล่าผ่านน้ำเสียงและวิธีการเล่าเรื่องของปอนก็ทำให้เรื่องร้ายๆ ที่น่าหดหู่นั้นอ่านสนุกน่าติดตามไปเสียหมด ทั้งเรายังสัมผัสได้ถึงความหวัง ความฝัน และการมองโลกในแง่ดีของเขา เจือแทรกออกมาผ่านการเล่าเรื่องต่างๆ นั้น

Advertisement

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ปอนได้เล่าเรื่องราวของ “แมวในเรือนจำ” และเรื่องเล่าที่ออกจะชวนกระอักกระอ่วน เมื่อเช้าวันหนึ่ง อ่างปูนที่ใส่น้ำไว้สำหรับให้ผู้ต้องขังอาบน้ำแปรงฟันนั้น ปรากฏสิ่งแปลกปลอมของเจ้าแมวเหมียว เป็น “อึแมว” ขนาดหนึ่งคืบ ที่ปอนบรรยายเสียเห็นภาพว่า “…มีส่วนที่เป็นก้อนแข็ง กับส่วนที่ละลายน้ำ มองดูแล้วเหมือนออร่าสีเหลืองๆ รอบๆ มัน…”

ความที่อ่างน้ำแบ่งเป็นสองข้างซ้ายขวา กั้นด้วยผนังปูน ปอนอยู่ฝั่งขวา ส่วนอึแมวเจ้าปัญหาอยู่ฝั่งซ้าย เขาลังเลว่าเขาจะบอกคนทางฝั่งซ้ายที่กำลังล้างหน้าแปรงฟันอยู่อีกด้านที่ไกลออกไปดีไหมว่ามี “สิ่งแปลกปลอม” อยู่ในน้ำ แต่แล้วเพื่อนของเขาก็ส่ายหน้าห้ามว่าอย่าไปยุ่งเลย เรารอดแล้วก็แล้วไป

ปอนเอาเรื่องของ “อึแมวในน้ำ” นี้เล่าให้น้องสาวและมิตรสหายที่ไปเยี่ยมฟังอย่างเป็นเรื่องขำ ก่อนที่วันหนึ่งเขาจึงมาพบความจริงว่า ไอ้ที่คิดว่าอ่างน้ำแบ่งเป็นสองข้างมีผนังปูนกั้นนั้น จริงๆมันมีท่อเล็กๆ เชื่อมกัน นั่นคือน้ำทั้งสองฝั่งเป็นน้ำเดียวกัน และยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อเขาอยู่ฝั่งขวาด้านใกล้ที่เห็นสิ่งแปลกปลอมได้ชัดกว่า นั่นก็แปลว่าเขาได้รับ “สารปนเปื้อน” มากกว่าคนฝั่งซ้ายที่อยู่มุมไกลออกไปเสียอีก !

Advertisement

ปอนสรุปอุทาหรณ์เรื่อง “อึแมว” นี้ให้เราฟังเป็นคติว่า “ความฉิบหายของคนอื่นก็เป็นเหมือนขี้แมวในน้ำ…เราอาจจะคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับเรา และรู้สึกตลกกับมัน… แต่มันแพร่กระจายไปยังทุกคนในสังคมครับ… ถึงเราจะคิดว่ามีผนังปูนแน่นหนากั้นเราไว้แล้ว…แต่ไม่แน่หรอกครับว่าจะไม่มีท่อเล็กๆ….ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ต้องมาถึงเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแหละ”

เรื่องเล่าที่เปิดมาอย่างน่ารักว่าด้วยแมวน้อยในเรือนจำ ตามด้วยอารมณ์ขันของสิ่งแปลกปลอมของแมวน้อยในน้ำ ก็มาสรุปจบอย่างเจ็บปวดด้วยนัยสะท้อนสังคมที่แหลมคมเช่นนี้เอง

เรื่องเล่าของปอน ทำให้เรามาย้อนคิดว่า ในสังคมของเรามีอะไรที่เป็นเหมือน “อึแมวลอยน้ำที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง” และเราได้ดื่มกินน้ำปนเปื้อนเช่นนั้นอย่างไม่รู้ตัวบ้าง เรื่องหนึ่งที่เป็นเหมือนอึแมวลอยน้ำ ก็คือเรื่องสภาพของเรือนจำ และสิทธิของผู้กักขัง อย่างที่ปอนเล่าไว้หลายต่อหลายเรื่องในเพจ และอย่างที่หลายคนเคยได้อ่านที่มีผู้มาบอกเล่าประสบการณ์นั่นเอง

ให้เราได้รู้ว่าสภาพในเรือนจำที่ทุกสิ่งแม้แต่เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ล้วนจำกัดจำเขี่ย ไม่ว่าจะอาหาร สิทธิในการได้ทราบข้อมูลข่าวสาร หรือการได้รับการเยี่ยมหรือได้รับของฝากจากโลกภายนอก หรืออย่างก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องฮือฮาออกมาจากนักศึกษาหญิงที่ต้องคดีการเมืองที่เปิดเผยว่าผู้ต้องขังหญิงที่ย่างเท้าเข้าสู่เรือนจำแม้เพียงชั่วคราวเพื่อรอการปล่อยตัว ก็จะต้องถูกเปลื้องผ้าและบังคับตรวจภายในเพื่อหาสิ่งแปลกปลอม อย่างไม่เคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

จริงอยู่ว่าตามหลักการ เมื่อคนกระทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษ เมื่อผู้ก่อปัญหารบกวนความเป็นอยู่โดยสงบเรียบร้อยปลอดภัยของสังคมนั้นจำเป็นจะต้องถูกนำไป “เก็บไว้” เพื่อตัดเขาออกจากสังคมเป็นการชั่วคราว แต่เช่นนั้นแล้ว สิ่งที่ผู้ถูกกักขังทั้งหลายอาจจะถูกพรากไปได้บ้าง ก็น่าจะเป็นเพียงอิสรภาพในร่างกายที่ไม่สามารถไปที่ไหนต่อไหนได้อย่างอิสระ แต่สิทธิอื่นๆ อันเป็นสาระสำคัญในการมีชีวิตอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เช่น สิทธิในการได้รับอาหารดีๆ สิทธิในการได้พักผ่อนหลับนอนอย่างสบาย ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจากโลกภายนอกอย่างไม่ถูกปิดกั้น หรือสิทธิที่จะมีใครก็ได้มาเยี่ยมเยียนพูดคุยหรือฝากของให้ พวกเขาควรจะได้และควรจะมีอยู่อย่างเต็มที่มิใช่หรือ

การเรียกร้องสิทธิให้แก่ผู้ถูกกักขังในเรือนจำนั้นเป็นเรื่องที่ “สุจริตชน” หลายคนอาจจะเบะปากให้ ด้วยคิดง่ายๆ ว่า ก็ถ้าไม่ได้กระทำความผิดอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องได้เฉียดกรายไปสู่สภาพเช่นนั้น แล้วเราจะไปเดือดร้อนทำไม

ครั้งหนึ่งในพันทิป เคยมีกระทู้อุทาหรณ์ของหญิงสาวผู้หนึ่งที่เผลอทำเรื่องที่ใครๆ ก็อาจจะมีโอกาสผิดพลาดเช่นนั้นกันได้ คือการลงลายมือชื่อในเอกสารเท็จจนต้องถูกดำเนินคดี โชคร้ายของเธอที่มีเหตุขัดข้องให้ประกันตัวไม่ได้ นั่นทำให้เธอต้องพบกับฝันร้าย 2 วัน 2 คืน ในทัณฑสถานหญิง

อยากให้ลองหาเรื่องนี้มาอ่านกัน เพราะนอกจากจะได้รู้สภาพความเป็นอยู่ในทัณฑสถานหญิงของคนโชคร้ายที่เพียงถูกฝากขังรอการประกันตัวจากศาลเท่านั้นแล้ว เรายังจะได้รู้ว่า อันที่จริงการที่ใครสักคนจะมีเคราะห์ต้องไปถูกกักขังไว้ในเรือนจำนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจินตนาการหรือเป็นไปไม่ได้เลย เพียงคุณรับรองหรือเซ็นเอกสารโดยไม่ได้อ่านให้ถ้วนถี่ หรือถูกกล่าวหาในคดีอาญาโทษปานกลางเช่นคดีหมิ่นประมาท แล้วมีปัญหาในชั้นประกันตัว คุณก็มีโอกาสจะได้สัมผัสประสบการณ์เช่นนั้นได้แล้ว

เมื่อนั้นเองที่คุณจะได้รู้ว่ากำแพงปูนนั้นมีรู และคุณจะต้องดื่มกินน้ำที่ไหลมาจากอีกฝั่งหนึ่ง ด้านที่คุณไม่เคยจินตนาการว่าจะได้ข้ามไป

………

ท่านสามารถอ่านกระทู้ที่อ้างถึง ด้วยการค้นหาจากคำว่า “2 วัน 2 คืนที่ทัณฑสถานหญิง” ใน Google

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image