40 ปีประชาชาติ สัมมนา CSR 360 องศา ธุรกิจเพื่อสังคมบริบทใหม่ สร้างไทยยั่งยืน

ทําไมต้องไปฟังงานสัมมนา?

คำตอบเพราะโลกธุรกิจทุกวันนี้ไม่ได้ค้าขายกันแต่เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว แต่โลกธุรกิจทุกวันนี้มีการเชื่อมโยงทางการค้าเข้าหากัน

จากซีกโลกตะวันตกไปยังซีกโลกตะวันออก

จากบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไปค้าขายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป รวมถึงประเทศอื่นๆ บนแผนที่โลกที่ดำเนินธุรกิจการค้าในอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง แอฟริกา หรือไม่ก็บางประเทศในทวีปเอเชีย

Advertisement

แต่กระนั้น การจะดำเนินธุรกิจเช่นนั้นได้ กฎ กติกาสากลทางการค้าจะต้องมี เพราะอย่าลืมว่า

สินค้าหนึ่งๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภค บริโภคล้วนมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ

นวัตกรรม แรงงานมนุษย์ และสิทธิเสรีภาพตามครรลองของกฎหมายแรงงานสากล

Advertisement

ดังนั้น หากประเทศใดไม่มีธรรมาภิบาล ประเทศคู่ค้าจะกีดกันทางการค้า โดยไม่ยอมให้สินค้านั้นๆ เข้าไปวางจำหน่ายในประเทศ หรือเข้าไปแข่งขันในกลุ่มประเทศเหล่านั้นได้

เช่นเดียวกัน หากประเทศใดมีการค้าขายอย่างโปร่งใส เป็นธรรม สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ บริษัทจากประเทศต่างๆ เหล่านั้นจะทำมาค้าขายกับคู่ค้าทางธุรกิจ หรือพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเสรี

เพราะโลกแห่งการค้าขายปัจจุบันเชื่อมโยงเข้าหากันในทุกวินาที

ใครหมุนตามโลกไม่ทันอาจตกกระบวนเทคโนโลยีในที่สุด

ยิ่งเฉพาะกับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในโลกปัจจุบัน

ผลเช่นนี้ จึงทำให้ “ประชาชาติธุรกิจ” จัดงานสัมมนา CSR 360 องศา ธุรกิจเพื่อสังคมบริบทใหม่ สร้างไทยยั่งยืน ใน

วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2559 ระหว่างเวลา 08.30-15.30 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ทางหนึ่งเพื่อเป็นการคืนกำไรผู้อ่านเนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีประชาชาติ

ทางหนึ่งเพื่อต้องการยกระดับองค์กรของไทยที่กำลังก้าวเข้าไปมีบทบาทบนเวทีโลก เสมือนเป็นการติดอาวุธให้องค์กรต่างๆ ของไทย ทั้งในส่วนขององค์กรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และองค์กรอื่นๆ ที่กำลังจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์

ไม่เว้นแม้แต่การนำองค์ความรู้จากองค์กรชั้นนำต่างๆ มาแลกเปลี่ยนพูดคุย เพื่อต้องการให้ใครก็ตามที่สนใจเรื่องของกิจการเพื่อสังคม หรือแนวทางการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนไปปรับใช้

เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นคำตอบบางส่วนของคำถามที่ว่า…ทำไมต้องไปฟังงานสัมมนา?

แต่ลึกลงไปกว่านั้น อาจมาจากผลการประชุมสมัชชาสามัญ ครั้งที่ 70 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐ

อเมริกา เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการประชุมสุดยอดการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Summit) โดยมีชาติสมาชิก 193 ประเทศเข้าร่วม

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกเหล่านั้น ที่เข้ารับรองวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 (The 2030 Agenda for Sustainable Development) รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) 17 ข้อ

เนื่องจากวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 มีเป้าหมายเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชากรโลกในการสร้างความเท่าเทียม ขจัดปัญหาความยากจน และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า โดยมุ่งไปสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนในอีก 15 ปีข้างหน้าหรือราวปี 2573

เพื่อครอบคลุมทั้งหมด 17 ด้าน ได้แก่ ความยากจน, ความหิวโหย, สุขภาวะ, การศึกษา, ความเท่าเทียมทางเพศ, น้ำและการสุขาภิบาล, พลังงาน, เศรษฐกิจและการจ้างงาน, โครงสร้างพื้นฐานและการปรับปรุงให้เป็นอุตสาหกรรม, ความเหลื่อมล้ำ, เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์, แบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ, ทรัพยากรทางทะเล, ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ, สังคมและความยุติธรรมและหุ้นส่วนความร่วมมือ และการปฏิบัติให้เกิดผล

ทั้ง 17 ด้านดังกล่าวจะถูกหยิบยก มาพูดคุยในบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนา CSR 360 องศา ธุรกิจเพื่อสังคมบริบทใหม่ สร้างไทยยั่งยืน

ยิ่งเฉพาะในภาคเช้ากับหัวข้อ “ธุรกิจในบริบท (โลก) ใหม่ สร้างไทยยั่งยืน” ซึ่งมีวิทยากรจากองค์กรชั้นนำต่างๆ ประกอบด้วย

ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพัฒนา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง, รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และ กฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล

เพราะฉะนั้น ประเด็นการพูดคุยในหัวข้อนี้ วิทยากรจะโฟกัสเพื่อให้ผู้เข้าร่วมฟังสัมมนาเห็นภาพว่าปัจจุบันโลกธุรกิจขับเคลื่อนกันอย่างไร และเราในฐานะองค์กรของไทยจะเข้าไปเชื่อมโยงธุรกิจในโลกใหม่อย่างไรเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

ดังนั้น ถ้ามององค์กรอย่างมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง, เอสซีจี และกลุ่มมิตรผล จึงน่าจะเป็นองค์กรตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะนอกจากองค์กรเหล่านี้จะปรับองค์กรให้หมุนตามโลก ยังปรับโมดูลธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับบริบทใหม่ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงด้วย

40ปีประชาชาติ02
(จากซ้าย) อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี, ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล, กฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย, ฐาปน สิริวัฒนภักดี

เช่นเดียวกับภาคบ่ายมีสัมมนาในหัวข้อ “ผสานพลังธุรกิจ ยกระดับชนบทไทย” ที่ไม่เพียงจะมี ศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะบริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น, ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

วิเชียร พงศธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ และ วาสนา ลาทูรัส เจ้าของ ผู้ก่อตั้งผลิตภัณฑ์นารายา

โดยส่วนนี้ นอกจากจะได้ฟังมุมมองของผู้นำธุรกิจขององค์กรต่างๆ ยิ่งเฉพาะองค์กรอย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ และไทยเบฟเวอเรจ เพราะทั้ง 2 ผู้นำธุรกิจมีส่วนอย่างมากในการบริหารองค์กรเพื่อความยั่งยืน ขณะเดียวกัน ยังเสียสละเวลามานั่งทำงานให้กับคณะทำงานของประชารัฐอีกด้วย

ดังนั้น สิ่งที่จะได้จากการรับฟัง นอกจากจะเห็นกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ยังจะทำให้เห็นกระบวนการทำงานเพื่อเชื่อมโยงกับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในชนบทด้วย

อันไปสอดรับกับ “วิเชียร” และ “วาสนา” ที่ต่างดำเนินธุรกิจคู่ขนานไปกับการทำงานในภาคชุมชน เพราะฉะนั้น จึงเชื่อแน่ว่างานสัมมนาภาคบ่าย

คำตอบที่ได้จากวิทยากรทุกท่าน จึงเสมือนคัมภีร์นอกตำรา ที่ทำให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นิสิต-นักศึกษา และประชาชนที่สนใจเรื่องราวเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงาน และการเรียนเป็นอย่างดี

พอจะพบคำตอบมากขึ้นแล้วใช่ไหม?

เพราะฉะนั้น ถ้าใครสนใจและต้องการเข้าฟังสัมมนา CSR 360 องศา ธุรกิจเพื่อสังคมบริบทใหม่ สร้างไทยยั่งยืน สามารถลงทะเบียนฟรีได้ที่ www.prachachat.net ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

แล้วคุณจะพบคำตอบว่าโลกธุรกิจในบริบทใหม่แตกต่างจากโลกธุรกิจในวันนี้อย่างไร?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image